มีข่าวมาบอก
ชื่อกระทู้ : ขึ้น ๙ ค่ำเดือน ๙ วันที่ ๑๙ ส.ค.๕๓ เป็นวันเศรษฐีมหาเศรษฐีร่วมหล่อยอดฉัตร

 
mahalap  
ถูกใจกระทู้นี้ + 0ไม่ถูกใจกระทู้นี้ - 0
เรียงคำตอบ  เรียงจากเก่าไปใหม่ เรียงจากใหม่ไปเก่า
ส่งข้อความถึงสมาชิกคนนี้
ดู Profile , คำติชม []
Feedback ซื้อ-ขาย []
ดูรายการพระทั้งหมดที่ตั้งประมูล 301 รายการ
เสนอราคาประมูลพระ 38 รายการ
   
   


ขึ้น ๙ ค่ำเดือน ๙ วันที่ ๑๙ ส.ค.๕๓ เป็นวันเศรษฐีมหาเศรษฐีร่วมหล่อยอดฉัตร
เขียนโดย Administrator   
Monday, 02 August 2010

๑๙ ส.ค.๕๓ เป็นวันเศรษฐีมหาเศรษฐีร่วมหล่อยอดฉัตร (ยอดเจดีย์ภาวนาภิรัต)ขึ้น ๙ ค่ำเดือน ๙ วันที่ ๑๙ ส.ค.๕๓ เป็นวันเศรษฐีมหาเศรษฐีร่วมหล่อยอดฉัตร (ยอดเจดีย์ภาวนาภิรัต), พระกริ่งชินบัญชรขนาดพระธาน, พระมหาเศรษฐีนวโกฏิและ พระชัยวัฒน์ประจำตระกูล

            วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๓ ปีนี้เป็นวันเศรษฐีมหาเศรษฐีที่เกจิอาจารย์รุ่นเก่าได้รวบรวมกันค้นคว้า นำเอา ๙ อุบาสก-อุบาสิกาที่เป็นมหาเศรษฐีในครั้นพุทธกาลมาร่วมกัน สถาปนาขึ้นเป็นพระพุทธรูป ๙ พระพักตร์ เพื่อน้อมนำเอาคุณความดีของ ๙ มหาเศรษฐีสมัยพุทธกาลซึ่งเป็นโยมอุปฐากและสร้างถาวรวัตถุ วัดวาอาราม ถวายพระพุทธเจ้า และสาธารณประโยชน์ไว้มากมาย

            มหาเศรษฐีเหล่านั้นแต่ละท่านมีเงินมากเป็นโกฏิๆ แม้ว่าจะบริจาคทรัพย์สินเงินทองสร้างวัดวาอารามไปมากมายมหาศาล แต่กลังยิ่งมีอานิสงส์ให้เงินทองไหลมาเทมาอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น บรรดาปรมาจารย์และพระเกจิอาจารย์ในสมัยโบราณจึงร่วมกันคิดสร้างพระพุทธรูปขึ้นไว้เคารพบูชาโดยมี ๙พระพักตร์เป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและไม่เหมือนใคร เพื่อเป็นการระลึกถึงและเคารพมหาเศรษฐีทั้ง ๙ ท่าน
            พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ สิริจันโท ได้รจนาพระคาถาบูชาพระมหาเศรษฐนวโกฏิขึ้นเป็นภาษาบาลี เพื่อใช้สวดมนต์ขอพร และอาศัยความศักดิ์สิทธิ์ของพระคาถานี้ให้บังเกิดแก่ผู้ที่นำไปเคารพบูชา เมื่อแปลจากพระคาถาที่เป็นภาษาบาลีออกมาได้ความดังนี้



ขอทรัพย์สินเงินทองของเราอย่าเสื่มสิ้นไป อุปัทวอันตรายอย่าเกิดแก่เรา ... ขอสายธารแห่งพืชพันธุ์ธัญญาหารจงตกลงมาในเรือนของเราเหมือนในเรือนของท่านธนัญชัยอัครมหาเศรษฐี ขอแก้วแหวนเงินทองโภคทรัพย์ทั้งปวงจงตกลงในเรือนของเราเหมือนของท่านยัสสะเศรษฐี, ท่านสุมานะเศรษฐี, ท่านชะฎิกัสสะเศรษฐี, ท่านอนาคปิณฑิกเศรษฐี, ท่านเมนฑะกัสสะเศรษฐี, ท่านโชติกะเศรษฐี, ท่านสุมังคะกัสสะเศรษฐี, ท่านวิสาขามหาอุบาสิกามหาเศรษฐี



           
            พระพุทธรูป ๙ หน้าหรือพระพุทธรูปเก้าพระพักตร์องค์นี้ ก็คือพระพุทธรูปที่เป็นสัญญาลักษณ์แทนองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าที่พวกเราชาวพุทธเคารพนับถือนั้น แต่พระพักตร์ทั้ง ๙ นั้นเป็นเพียงสัญญาลักษณ์เพื่อระลึกถึงคุณงามความดีของมหาอุบาสกอุบาสิกาทั้ง ๙ ท่านนั้น ปรมาจารย์โบราณที่สร้างขึ้นไว้ ท่านให้ชื่อว่า “พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ”
            พระอุบาลีคณูปรมาจารย์ “สิริจันโท” พระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายธรรมยุตินิกาย ท่านได้สร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิด้วยไม้มงคลตามตำราประดิษฐานไว้ที่วัดบรมนิวาส พร้อมกันนั้นท่านได้บันทึกตำราทั้งวิธีการสร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ ตลอดจนพระคาถามหาเศรษฐีไว้ด้วย ท่านจารึกไว้ในตำราว่า เมื่อเถลิงศกใหม่คือวันพญาวัน ซึ่งตรงกับวันที่ ๑๕ เมษายนของทุกปี ท่านให้บูชาพระมหาเศรษฐีนวโกฏิด้วยของขาว ๙ อย่าง อาหารคาวหวาน ๙ อย่าง สวดบูชาด้วยพระคาถามหาเศรษฐี ๙ จบ แล้วอธิษฐานทำน้ำมนต์ประพรมบ้านเรือน โรงงาน ร้านค้า ข้าทาสบริวาร ลูกหลานจะอยู่เย็นเป็นสุขตลอดปี นอกจากสวดบูชาพระมหาเศรษฐีนวโกฏิทั้ง ๙ ในวันเถลิงศกใหม่แล้ว  อีกวันหนึ่งที่สำคัญควรจะสวดบูชาไปด้วย ก็คือ วันขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๙ ของทุกๆปี ที่ปรมาจารย์ผู้ค้นคิดตำรานี้ขึ้นให้ยึดถือเป็นวันปฐมกำเนิดของพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ ซึ่งปีนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๓
            มูลนิธิหลวงปู่ทิม อิสริโก และวัดละหารไร่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง จะประกอบพิธีเททองหล่อพระมหาเศรษฐีนวโกฏิขึ้น เพื่อเป็นสิริมงคล พร้อมกันนั้นวัดละหารไร่ โดยพระครูวิจิตรธรรมภิรัต หรือ พระอาจารย์เชย เจ้าอาวาสวัดละหารไร่องค์ถัดจากหลวงปู่ทิม ยอดพระเกจิอาจารย์ชื่อดังในยุคนี้ จะเททองหล่อยอดพระมหาเจดีย์ หรือยอดฉัตร ขึ้นในวันเศรษฐีมหาเศรษฐี เพื่อนำขึ้นประดิษฐานเป็นยอดพระมหาเจดีย์ภาวนาภิรัต ซึ่งกำลังดำเนินการสร้างแล้วเสร็จไปประมาณ ๙๐% และพร้อมกันนั้น มูลนิธิหลวงปู่ทิม อิสริโก จะดำเนินการสร้างวัตถุมงคลขึ้นมาเพื่อรายได้จัดสร้างพระมหาเจดีย์ภาวนาภิรัตให้แล้วเสร็จสมบูรณ์ พร้อมทั้งสร้างอาคารโรงเรียนปริยัติธรรมเพื่อเป็นสถานที่ศึกษาเล่าเรียนของพระสงฆ์ เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาของเราต่อไป
            วัตถุมงคลที่จะร่วมในพิธีเททองหล่อยอดเจดีย์ และสร้างถาวรวัตถุวัดละหารไร่ ในครั้งนี้ เรียกโดยรวมว่า รุ่น “ยอดฉัตร” นอกจากจะเททองหล่อยอดฉัตร(ยอดเจดีย์ภาวนาภิรัต)แล้ว ยังไว้สร้างวัตถุมงคล ดังต่อไปนี้

๑. พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ ขนาดหน้าตัก ๙ นิ้วจำนวน ๙๙ องค์ , หน้าตัก ๕ นิ้วจำนวน ๑๙๙ องค์, และขนาดห้อยคอเนื้อนวโลหะจำนวน ๒,๕๙๙ องค์

๒. หล่อพระพุทธรูป พระกริ่งชินบัญชรขนาดใหญ่หน้าตัก ๓๖ นิ้ว ผู้สถาปนาทำนุบำรุงวัดละหารไร่จากที่ชำรุดทรุดโทรม เมื่อ ๔๐ปีก่อนให้เจริญก้าวหน้ามาจนทุกวันนี้ ถึงแม้หลวงปู่ทิมจะมรณภาพไปแล้ว ๓๕ ปีแต่ท่านก็ได้สร้างพระกริ่งชินบัญชรขึ้นให้ เป็นมรดกตกทอดใช้รักษาโรคภัยไข้เจ็บ สงเคราะห์ผู้ที่เคารพนับถือให้เจริญรุ่งเรืองจนแผ่บารมีมาถึงวัดละหารไร่ เป็นเหตุให้วัดละหารไร่เจิรญรุ่งเรืองขึ้น แม้พระกริ่งชินบัญชรที่หลวงปู่ทิมท่านสร้างขึ้นมีจำนวนมากถึง สามพันกว่าองค์ มากกว่าของพระเกจิอาจารย์ใดๆในยุคนั้นก็จริง แต่ก็มีราคาแพงแสนแพงและหายากขึ้นทุกวัน มูลนิธิหลวงปู่ทิม สร้างพระกริ่งชินบัญชรขนาดใหญ่หน้าตัก ๓๖ นิ้วขึ้น ก็เพื่อให้ผู้ที่ใช้พระกริ่งชินบัญชรตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงรุ่นล่าสุด(พระกริ่งชินบัญชร ๗๒, พระกริ่งชินบัญชร ญสส.) ขึ้นไว้เพื่อให้เป็นที่เคารพบูชา เป็นเครื่องเตือนและระลึกว่า พระกริ่งชินบัญชรที่พวกท่านบูชาอยู่ไม่ได้เป็นเพียงผู้ทำนุบำรุงวัดละหารไร่ให้เจริญรุ่งเรืองเท่านั้น ยังทำให้ท่านที่ใช้รุ่งเรืองเจริญ สงเคราะห์และขจัดปัดเป่าอุปสรรคความขัดข้องให้หมดไปจากผู้ที่เคารพบูชา ซึ่งตัวท่านผู้ใช้ต่างรู้กันดี จึงขอแจ้งให้มาร่วมกันสร้าง

            นอกจากจะเททองสร้างพระพุทธรูป “กริ่งชินบัญชร” หน้าตัก ๓๖ นิ้วขึ้นแล้ว ยังจะสร้างพระกริ่งชินบัญชรขนาดหน้าตัก ๓ นิ้วขึ้นจำนวนหนึ่ง จะเรียกว่าเป็นพระชัยวัฒน์ประจำตัว ตามแบบที่แม่ทัพ นายกอง และเศรษฐีในสมัยโบราณสร้างขึ้นไว้สำหรับใช้บูชาประจำตัว เวลาเคลื่อนย้ายทัพหรือเวลาเดินทางก็ได้ นอกจากจะคุ้มครองปกป้องแล้วยังจะเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองอีกด้วย ในองค์พระชัยวัฒน์บูชาประจำตัว (พระกริ่งชินบัญชร ขนาด ๓ นิ้ว) นอกจากจะบรรจุดวงชะตาของผู้ที่ต้องการบูชาแล้วยังบรรจุดวงพระยันต์มหาพิชัยสงคราม พระยันต์รณรงค์สงคราม ยันต์สารพัดกัน ยันต์มหาระงับของหลวงปู่ทิมตามตำราที่ผู้สร้างได้รับมาจากหลวงพ่อเริ่ม ปรโม ศิษย์ทายาทวิชาโหราศาสตร์ของสมเด็จพระสังฆราช (อยู่ ญาโณทัย) วัดสระเกศ ที่เคยให้ผู้สร้างเป็นผู้ดำเนินการสร้างพระชัยวัฒน์ประจำตระกูล เพราะชีวิตคนเราในปัจจุบัน นอกจากจะต้องต่อสู้และป้องกันแล้วยังจะต้องมีมหาระงับคุ้มตัวด้วย ชีวิตจึงจะปลอดภัย ,เป็นสุข และรุ่งเรืองก้าวหน้า

๓. สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งอันถือเป็นสัญญาลักษณ์ของวัดละหารไร่ที่จะขาดเสียไม่ได้ คือ “พระขุนแผนพรายกุมาร” เมื่อครั้งเททองสร้างพระกริ่งชินบัญชรมหาโสฬสที่วัดละหารไร่ เมื่อ ๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓ ไม่ได้นึกถึงและไม่คิดจะสร้างพระขุนแผนพรายกุมาร ตกดึกหลังเททอง หล่อพระกริ่งแล้วเพียงคืนเดียว หลวงปู่ทิม ไปเข้าฝันถามคุณประชา ตรีพาสัย ศิษย์ผู้ใกล้ชิดว่าทำไมไม่สร้างเอกลักษณ์ของวัดไว้? ผมและคุณประชาจึงต้องนำชนวนพระกริ่งชินบัญชรมหาโสฬส มาหล่อเป็นพระขุนแผนเนื้อโลหะขึ้นไว้ด้วย และให้ได้ผลเหมือนพระขุนแผนรุ่นแรกที่มีราคาเหยียบล้านขึ้นไป การสร้างยอดฉัตรครั้งนี้จึงจำเป็นที่จะต้องสร้างเอกลักษณ์ของวัดขึ้นไว้ด้วย ทั้งเนื้อผงและเนื้อนวโลหะจากชนวนชินบัญชร ๗๒

๔. นอกจากนั้นจะสร้างพระปรกมะขาม อันลือลั่นของหลวงปู่ทิม ขึ้นอีกด้วยเรียกว่า “องค์จ้อยยอดฉัตร” นอกจากจะสร้างขึ้นเพื่อนำไปติดบนยอดฉัตรแล้วจะนำออกให้บูชาด้วยกัน ๕ เนื้อ คือ ทองคำ เงิน นวโลหะ ดีบุก และทองแดง โดยนำชนวนพระกริ่งชินบัญชร ๗๒, พระกริ่งชินบัญชร ญสส. ที่เททองแล้วตะกรุดไม่ละลายมาผสมเป็นชนวนในองค์จ้อยยอดฉัตร ทุกๆเนื้อเพื่อให้โด่งดังเหมือนปรกองค์จ้อยหลวงปู่ทิม

            วัตถุมงคลทั้งหมดจะนำเข้าพิธีใหญ่อีกครั้งในวันยกยอดฉัตรขึ้นสู่มหาเจดีย์ภาวนาภิรัต เนื่องในวันคล้ายวันมรณภาพครบ ๓๕ ปีของหลวงปู่ทิม วันเสาร์ที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๓

     

   จากการพูดคุย ของอ.ชินพร และคณะกรรมการ สรุปเบื้องต้น(อาจมีการปรับเปลี่ยนบ้างเล็กน้อย) ดังนี้

 ๑. พระชัยวัฒน์ประจำตระกูล เนื้อโลหะผสมกึ่งนวโลหะ (พิมพ์ชินบัญชร)ขนาด ๓ นิ้ว สั่งจององค์ละ ๓,๐๐๐ บาท

 ๒. พระเศรษฐีนวโกฏิ ทุกองค์ทุกขนาด อุดผง มวลสารตามตำรับเศรษฐีนวโกฏิ  แบ่งเป็น

    ๒.๑ พระเศรษฐีนวโกฏิ ขนาด ๙ นิ้ว สร้างราว ๕๖ องค์ สั่งจอง องค์ละ ๖,๐๐๐ บาท

    ๒.๒ พระเศรษฐีนวโกฏิ ขนาด ๕ นิ้ว สร้างราว ๑๙๙ องค์ สั่งจอง องค์ละ ๒,๕๐๐ บาท

    ๒.๓ พระเศรษฐีนวโกฏิ ขนาดห้อยคอ สร้างราว ๙๙๙ องค์ เนื้อโลหะผสม สั่งจอง ๑,๐๐๐ บาท

 ๓. ชุดปรกองค์จ้อย (กรรมการ) สร้างราว ๙๙๙ ชุด สั่งจองชุดละ ๓,๐๐๐-๓,๕๐๐บาท (ขอเช็กต้นทุนทองเพื่อความแน่ชัดก่อน)

    ประกอบด้วยเนื้อทองคำ ๑ องค์,เงิน-นวะ-ดีบุก-ทองแดง อย่างละ ๒ องค์ รวม ๙ องค์ 
 
* หมายเหตุ หลังสั่งจองอาจมีการปรับราคาขึ้นเพื่อความเหมาะสม
 
  และ อาจมีพระปลีกย่อย อาทิ ปรกองค์จ้อย เนื้อเงิน องค์ละ ๔๐๐ บาท, เนื้อนวโลหะ ๒๐๐ บาท, เนื้อทองแดง ๑๐๐ บาท

 (ปรกองค์จ้อยเนื้อทองคำ และเนื้อดีบุกไม่มีแยกย่อย ...มีเฉพาะในชุดปรกองค์จ้อย(กรรมการ)เท่านั้น

ขึ้น ๙ ค่ำเดือน ๙ วันที่ ๑๙ ส.ค.๕๓ เป็นวันเศรษฐีมหาเศรษฐีร่วมหล่อยอดฉัตร
เขียนโดย Administrator   
Monday, 02 August 2010

๑๙ ส.ค.๕๓ เป็นวันเศรษฐีมหาเศรษฐีร่วมหล่อยอดฉัตร (ยอดเจดีย์ภาวนาภิรัต)ขึ้น ๙ ค่ำเดือน ๙ วันที่ ๑๙ ส.ค.๕๓ เป็นวันเศรษฐีมหาเศรษฐีร่วมหล่อยอดฉัตร (ยอดเจดีย์ภาวนาภิรัต), พระกริ่งชินบัญชรขนาดพระธาน, พระมหาเศรษฐีนวโกฏิและ พระชัยวัฒน์ประจำตระกูล

            วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๓ ปีนี้เป็นวันเศรษฐีมหาเศรษฐีที่เกจิอาจารย์รุ่นเก่าได้รวบรวมกันค้นคว้า นำเอา ๙ อุบาสก-อุบาสิกาที่เป็นมหาเศรษฐีในครั้นพุทธกาลมาร่วมกัน สถาปนาขึ้นเป็นพระพุทธรูป ๙ พระพักตร์ เพื่อน้อมนำเอาคุณความดีของ ๙ มหาเศรษฐีสมัยพุทธกาลซึ่งเป็นโยมอุปฐากและสร้างถาวรวัตถุ วัดวาอาราม ถวายพระพุทธเจ้า และสาธารณประโยชน์ไว้มากมาย

            มหาเศรษฐีเหล่านั้นแต่ละท่านมีเงินมากเป็นโกฏิๆ แม้ว่าจะบริจาคทรัพย์สินเงินทองสร้างวัดวาอารามไปมากมายมหาศาล แต่กลังยิ่งมีอานิสงส์ให้เงินทองไหลมาเทมาอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น บรรดาปรมาจารย์และพระเกจิอาจารย์ในสมัยโบราณจึงร่วมกันคิดสร้างพระพุทธรูปขึ้นไว้เคารพบูชาโดยมี ๙พระพักตร์เป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและไม่เหมือนใคร เพื่อเป็นการระลึกถึงและเคารพมหาเศรษฐีทั้ง ๙ ท่าน
            พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ สิริจันโท ได้รจนาพระคาถาบูชาพระมหาเศรษฐนวโกฏิขึ้นเป็นภาษาบาลี เพื่อใช้สวดมนต์ขอพร และอาศัยความศักดิ์สิทธิ์ของพระคาถานี้ให้บังเกิดแก่ผู้ที่นำไปเคารพบูชา เมื่อแปลจากพระคาถาที่เป็นภาษาบาลีออกมาได้ความดังนี้



ขอทรัพย์สินเงินทองของเราอย่าเสื่มสิ้นไป อุปัทวอันตรายอย่าเกิดแก่เรา ... ขอสายธารแห่งพืชพันธุ์ธัญญาหารจงตกลงมาในเรือนของเราเหมือนในเรือนของท่านธนัญชัยอัครมหาเศรษฐี ขอแก้วแหวนเงินทองโภคทรัพย์ทั้งปวงจงตกลงในเรือนของเราเหมือนของท่านยัสสะเศรษฐี, ท่านสุมานะเศรษฐี, ท่านชะฎิกัสสะเศรษฐี, ท่านอนาคปิณฑิกเศรษฐี, ท่านเมนฑะกัสสะเศรษฐี, ท่านโชติกะเศรษฐี, ท่านสุมังคะกัสสะเศรษฐี, ท่านวิสาขามหาอุบาสิกามหาเศรษฐี



           
            พระพุทธรูป ๙ หน้าหรือพระพุทธรูปเก้าพระพักตร์องค์นี้ ก็คือพระพุทธรูปที่เป็นสัญญาลักษณ์แทนองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าที่พวกเราชาวพุทธเคารพนับถือนั้น แต่พระพักตร์ทั้ง ๙ นั้นเป็นเพียงสัญญาลักษณ์เพื่อระลึกถึงคุณงามความดีของมหาอุบาสกอุบาสิกาทั้ง ๙ ท่านนั้น ปรมาจารย์โบราณที่สร้างขึ้นไว้ ท่านให้ชื่อว่า “พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ”
            พระอุบาลีคณูปรมาจารย์ “สิริจันโท” พระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายธรรมยุตินิกาย ท่านได้สร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิด้วยไม้มงคลตามตำราประดิษฐานไว้ที่วัดบรมนิวาส พร้อมกันนั้นท่านได้บันทึกตำราทั้งวิธีการสร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ ตลอดจนพระคาถามหาเศรษฐีไว้ด้วย ท่านจารึกไว้ในตำราว่า เมื่อเถลิงศกใหม่คือวันพญาวัน ซึ่งตรงกับวันที่ ๑๕ เมษายนของทุกปี ท่านให้บูชาพระมหาเศรษฐีนวโกฏิด้วยของขาว ๙ อย่าง อาหารคาวหวาน ๙ อย่าง สวดบูชาด้วยพระคาถามหาเศรษฐี ๙ จบ แล้วอธิษฐานทำน้ำมนต์ประพรมบ้านเรือน โรงงาน ร้านค้า ข้าทาสบริวาร ลูกหลานจะอยู่เย็นเป็นสุขตลอดปี นอกจากสวดบูชาพระมหาเศรษฐีนวโกฏิทั้ง ๙ ในวันเถลิงศกใหม่แล้ว  อีกวันหนึ่งที่สำคัญควรจะสวดบูชาไปด้วย ก็คือ วันขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๙ ของทุกๆปี ที่ปรมาจารย์ผู้ค้นคิดตำรานี้ขึ้นให้ยึดถือเป็นวันปฐมกำเนิดของพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ ซึ่งปีนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๓
            มูลนิธิหลวงปู่ทิม อิสริโก และวัดละหารไร่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง จะประกอบพิธีเททองหล่อพระมหาเศรษฐีนวโกฏิขึ้น เพื่อเป็นสิริมงคล พร้อมกันนั้นวัดละหารไร่ โดยพระครูวิจิตรธรรมภิรัต หรือ พระอาจารย์เชย เจ้าอาวาสวัดละหารไร่องค์ถัดจากหลวงปู่ทิม ยอดพระเกจิอาจารย์ชื่อดังในยุคนี้ จะเททองหล่อยอดพระมหาเจดีย์ หรือยอดฉัตร ขึ้นในวันเศรษฐีมหาเศรษฐี เพื่อนำขึ้นประดิษฐานเป็นยอดพระมหาเจดีย์ภาวนาภิรัต ซึ่งกำลังดำเนินการสร้างแล้วเสร็จไปประมาณ ๙๐% และพร้อมกันนั้น มูลนิธิหลวงปู่ทิม อิสริโก จะดำเนินการสร้างวัตถุมงคลขึ้นมาเพื่อรายได้จัดสร้างพระมหาเจดีย์ภาวนาภิรัตให้แล้วเสร็จสมบูรณ์ พร้อมทั้งสร้างอาคารโรงเรียนปริยัติธรรมเพื่อเป็นสถานที่ศึกษาเล่าเรียนของพระสงฆ์ เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาของเราต่อไป
            วัตถุมงคลที่จะร่วมในพิธีเททองหล่อยอดเจดีย์ และสร้างถาวรวัตถุวัดละหารไร่ ในครั้งนี้ เรียกโดยรวมว่า รุ่น “ยอดฉัตร” นอกจากจะเททองหล่อยอดฉัตร(ยอดเจดีย์ภาวนาภิรัต)แล้ว ยังไว้สร้างวัตถุมงคล ดังต่อไปนี้

๑. พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ ขนาดหน้าตัก ๙ นิ้วจำนวน ๙๙ องค์ , หน้าตัก ๕ นิ้วจำนวน ๑๙๙ องค์, และขนาดห้อยคอเนื้อนวโลหะจำนวน ๒,๕๙๙ องค์

๒. หล่อพระพุทธรูป พระกริ่งชินบัญชรขนาดใหญ่หน้าตัก ๓๖ นิ้ว ผู้สถาปนาทำนุบำรุงวัดละหารไร่จากที่ชำรุดทรุดโทรม เมื่อ ๔๐ปีก่อนให้เจริญก้าวหน้ามาจนทุกวันนี้ ถึงแม้หลวงปู่ทิมจะมรณภาพไปแล้ว ๓๕ ปีแต่ท่านก็ได้สร้างพระกริ่งชินบัญชรขึ้นให้ เป็นมรดกตกทอดใช้รักษาโรคภัยไข้เจ็บ สงเคราะห์ผู้ที่เคารพนับถือให้เจริญรุ่งเรืองจนแผ่บารมีมาถึงวัดละหารไร่ เป็นเหตุให้วัดละหารไร่เจิรญรุ่งเรืองขึ้น แม้พระกริ่งชินบัญชรที่หลวงปู่ทิมท่านสร้างขึ้นมีจำนวนมากถึง สามพันกว่าองค์ มากกว่าของพระเกจิอาจารย์ใดๆในยุคนั้นก็จริง แต่ก็มีราคาแพงแสนแพงและหายากขึ้นทุกวัน มูลนิธิหลวงปู่ทิม สร้างพระกริ่งชินบัญชรขนาดใหญ่หน้าตัก ๓๖ นิ้วขึ้น ก็เพื่อให้ผู้ที่ใช้พระกริ่งชินบัญชรตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงรุ่นล่าสุด(พระกริ่งชินบัญชร ๗๒, พระกริ่งชินบัญชร ญสส.) ขึ้นไว้เพื่อให้เป็นที่เคารพบูชา เป็นเครื่องเตือนและระลึกว่า พระกริ่งชินบัญชรที่พวกท่านบูชาอยู่ไม่ได้เป็นเพียงผู้ทำนุบำรุงวัดละหารไร่ให้เจริญรุ่งเรืองเท่านั้น ยังทำให้ท่านที่ใช้รุ่งเรืองเจริญ สงเคราะห์และขจัดปัดเป่าอุปสรรคความขัดข้องให้หมดไปจากผู้ที่เคารพบูชา ซึ่งตัวท่านผู้ใช้ต่างรู้กันดี จึงขอแจ้งให้มาร่วมกันสร้าง

            นอกจากจะเททองสร้างพระพุทธรูป “กริ่งชินบัญชร” หน้าตัก ๓๖ นิ้วขึ้นแล้ว ยังจะสร้างพระกริ่งชินบัญชรขนาดหน้าตัก ๓ นิ้วขึ้นจำนวนหนึ่ง จะเรียกว่าเป็นพระชัยวัฒน์ประจำตัว ตามแบบที่แม่ทัพ นายกอง และเศรษฐีในสมัยโบราณสร้างขึ้นไว้สำหรับใช้บูชาประจำตัว เวลาเคลื่อนย้ายทัพหรือเวลาเดินทางก็ได้ นอกจากจะคุ้มครองปกป้องแล้วยังจะเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองอีกด้วย ในองค์พระชัยวัฒน์บูชาประจำตัว (พระกริ่งชินบัญชร ขนาด ๓ นิ้ว) นอกจากจะบรรจุดวงชะตาของผู้ที่ต้องการบูชาแล้วยังบรรจุดวงพระยันต์มหาพิชัยสงคราม พระยันต์รณรงค์สงคราม ยันต์สารพัดกัน ยันต์มหาระงับของหลวงปู่ทิมตามตำราที่ผู้สร้างได้รับมาจากหลวงพ่อเริ่ม ปรโม ศิษย์ทายาทวิชาโหราศาสตร์ของสมเด็จพระสังฆราช (อยู่ ญาโณทัย) วัดสระเกศ ที่เคยให้ผู้สร้างเป็นผู้ดำเนินการสร้างพระชัยวัฒน์ประจำตระกูล เพราะชีวิตคนเราในปัจจุบัน นอกจากจะต้องต่อสู้และป้องกันแล้วยังจะต้องมีมหาระงับคุ้มตัวด้วย ชีวิตจึงจะปลอดภัย ,เป็นสุข และรุ่งเรืองก้าวหน้า

๓. สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งอันถือเป็นสัญญาลักษณ์ของวัดละหารไร่ที่จะขาดเสียไม่ได้ คือ “พระขุนแผนพรายกุมาร” เมื่อครั้งเททองสร้างพระกริ่งชินบัญชรมหาโสฬสที่วัดละหารไร่ เมื่อ ๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓ ไม่ได้นึกถึงและไม่คิดจะสร้างพระขุนแผนพรายกุมาร ตกดึกหลังเททอง หล่อพระกริ่งแล้วเพียงคืนเดียว หลวงปู่ทิม ไปเข้าฝันถามคุณประชา ตรีพาสัย ศิษย์ผู้ใกล้ชิดว่าทำไมไม่สร้างเอกลักษณ์ของวัดไว้? ผมและคุณประชาจึงต้องนำชนวนพระกริ่งชินบัญชรมหาโสฬส มาหล่อเป็นพระขุนแผนเนื้อโลหะขึ้นไว้ด้วย และให้ได้ผลเหมือนพระขุนแผนรุ่นแรกที่มีราคาเหยียบล้านขึ้นไป การสร้างยอดฉัตรครั้งนี้จึงจำเป็นที่จะต้องสร้างเอกลักษณ์ของวัดขึ้นไว้ด้วย ทั้งเนื้อผงและเนื้อนวโลหะจากชนวนชินบัญชร ๗๒

๔. นอกจากนั้นจะสร้างพระปรกมะขาม อันลือลั่นของหลวงปู่ทิม ขึ้นอีกด้วยเรียกว่า “องค์จ้อยยอดฉัตร” นอกจากจะสร้างขึ้นเพื่อนำไปติดบนยอดฉัตรแล้วจะนำออกให้บูชาด้วยกัน ๕ เนื้อ คือ ทองคำ เงิน นวโลหะ ดีบุก และทองแดง โดยนำชนวนพระกริ่งชินบัญชร ๗๒, พระกริ่งชินบัญชร ญสส. ที่เททองแล้วตะกรุดไม่ละลายมาผสมเป็นชนวนในองค์จ้อยยอดฉัตร ทุกๆเนื้อเพื่อให้โด่งดังเหมือนปรกองค์จ้อยหลวงปู่ทิม

            วัตถุมงคลทั้งหมดจะนำเข้าพิธีใหญ่อีกครั้งในวันยกยอดฉัตรขึ้นสู่มหาเจดีย์ภาวนาภิรัต เนื่องในวันคล้ายวันมรณภาพครบ ๓๕ ปีของหลวงปู่ทิม วันเสาร์ที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๓

     

   จากการพูดคุย ของอ.ชินพร และคณะกรรมการ สรุปเบื้องต้น(อาจมีการปรับเปลี่ยนบ้างเล็กน้อย) ดังนี้

 ๑. พระชัยวัฒน์ประจำตระกูล เนื้อโลหะผสมกึ่งนวโลหะ (พิมพ์ชินบัญชร)ขนาด ๓ นิ้ว สั่งจององค์ละ ๓,๐๐๐ บาท

 ๒. พระเศรษฐีนวโกฏิ ทุกองค์ทุกขนาด อุดผง มวลสารตามตำรับเศรษฐีนวโกฏิ  แบ่งเป็น

    ๒.๑ พระเศรษฐีนวโกฏิ ขนาด ๙ นิ้ว สร้างราว ๕๖ องค์ สั่งจอง องค์ละ ๖,๐๐๐ บาท

    ๒.๒ พระเศรษฐีนวโกฏิ ขนาด ๕ นิ้ว สร้างราว ๑๙๙ องค์ สั่งจอง องค์ละ ๒,๕๐๐ บาท

    ๒.๓ พระเศรษฐีนวโกฏิ ขนาดห้อยคอ สร้างราว ๙๙๙ องค์ เนื้อโลหะผสม สั่งจอง ๑,๐๐๐ บาท

 ๓. ชุดปรกองค์จ้อย (กรรมการ) สร้างราว ๙๙๙ ชุด สั่งจองชุดละ ๓,๐๐๐-๓,๕๐๐บาท (ขอเช็กต้นทุนทองเพื่อความแน่ชัดก่อน)

    ประกอบด้วยเนื้อทองคำ ๑ องค์,เงิน-นวะ-ดีบุก-ทองแดง อย่างละ ๒ องค์ รวม ๙ องค์ 
 
* หมายเหตุ หลังสั่งจองอาจมีการปรับราคาขึ้นเพื่อความเหมาะสม
 
  และ อาจมีพระปลีกย่อย อาทิ ปรกองค์จ้อย เนื้อเงิน องค์ละ ๔๐๐ บาท, เนื้อนวโลหะ ๒๐๐ บาท, เนื้อทองแดง ๑๐๐ บาท

 (ปรกองค์จ้อยเนื้อทองคำ และเนื้อดีบุกไม่มีแยกย่อย ...มีเฉพาะในชุดปรกองค์จ้อย(กรรมการ)เท่านั้น

ขึ้น ๙ ค่ำเดือน ๙ วันที่ ๑๙ ส.ค.๕๓ เป็นวันเศรษฐีมหาเศรษฐีร่วมหล่อยอดฉัตร
เขียนโดย Administrator   
Monday, 02 August 2010

๑๙ ส.ค.๕๓ เป็นวันเศรษฐีมหาเศรษฐีร่วมหล่อยอดฉัตร (ยอดเจดีย์ภาวนาภิรัต)ขึ้น ๙ ค่ำเดือน ๙ วันที่ ๑๙ ส.ค.๕๓ เป็นวันเศรษฐีมหาเศรษฐีร่วมหล่อยอดฉัตร (ยอดเจดีย์ภาวนาภิรัต), พระกริ่งชินบัญชรขนาดพระธาน, พระมหาเศรษฐีนวโกฏิและ พระชัยวัฒน์ประจำตระกูล

            วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๓ ปีนี้เป็นวันเศรษฐีมหาเศรษฐีที่เกจิอาจารย์รุ่นเก่าได้รวบรวมกันค้นคว้า นำเอา ๙ อุบาสก-อุบาสิกาที่เป็นมหาเศรษฐีในครั้นพุทธกาลมาร่วมกัน สถาปนาขึ้นเป็นพระพุทธรูป ๙ พระพักตร์ เพื่อน้อมนำเอาคุณความดีของ ๙ มหาเศรษฐีสมัยพุทธกาลซึ่งเป็นโยมอุปฐากและสร้างถาวรวัตถุ วัดวาอาราม ถวายพระพุทธเจ้า และสาธารณประโยชน์ไว้มากมาย

            มหาเศรษฐีเหล่านั้นแต่ละท่านมีเงินมากเป็นโกฏิๆ แม้ว่าจะบริจาคทรัพย์สินเงินทองสร้างวัดวาอารามไปมากมายมหาศาล แต่กลังยิ่งมีอานิสงส์ให้เงินทองไหลมาเทมาอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น บรรดาปรมาจารย์และพระเกจิอาจารย์ในสมัยโบราณจึงร่วมกันคิดสร้างพระพุทธรูปขึ้นไว้เคารพบูชาโดยมี ๙พระพักตร์เป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและไม่เหมือนใคร เพื่อเป็นการระลึกถึงและเคารพมหาเศรษฐีทั้ง ๙ ท่าน
            พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ สิริจันโท ได้รจนาพระคาถาบูชาพระมหาเศรษฐนวโกฏิขึ้นเป็นภาษาบาลี เพื่อใช้สวดมนต์ขอพร และอาศัยความศักดิ์สิทธิ์ของพระคาถานี้ให้บังเกิดแก่ผู้ที่นำไปเคารพบูชา เมื่อแปลจากพระคาถาที่เป็นภาษาบาลีออกมาได้ความดังนี้



ขอทรัพย์สินเงินทองของเราอย่าเสื่มสิ้นไป อุปัทวอันตรายอย่าเกิดแก่เรา ... ขอสายธารแห่งพืชพันธุ์ธัญญาหารจงตกลงมาในเรือนของเราเหมือนในเรือนของท่านธนัญชัยอัครมหาเศรษฐี ขอแก้วแหวนเงินทองโภคทรัพย์ทั้งปวงจงตกลงในเรือนของเราเหมือนของท่านยัสสะเศรษฐี, ท่านสุมานะเศรษฐี, ท่านชะฎิกัสสะเศรษฐี, ท่านอนาคปิณฑิกเศรษฐี, ท่านเมนฑะกัสสะเศรษฐี, ท่านโชติกะเศรษฐี, ท่านสุมังคะกัสสะเศรษฐี, ท่านวิสาขามหาอุบาสิกามหาเศรษฐี



           
            พระพุทธรูป ๙ หน้าหรือพระพุทธรูปเก้าพระพักตร์องค์นี้ ก็คือพระพุทธรูปที่เป็นสัญญาลักษณ์แทนองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าที่พวกเราชาวพุทธเคารพนับถือนั้น แต่พระพักตร์ทั้ง ๙ นั้นเป็นเพียงสัญญาลักษณ์เพื่อระลึกถึงคุณงามความดีของมหาอุบาสกอุบาสิกาทั้ง ๙ ท่านนั้น ปรมาจารย์โบราณที่สร้างขึ้นไว้ ท่านให้ชื่อว่า “พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ”
            พระอุบาลีคณูปรมาจารย์ “สิริจันโท” พระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายธรรมยุตินิกาย ท่านได้สร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิด้วยไม้มงคลตามตำราประดิษฐานไว้ที่วัดบรมนิวาส พร้อมกันนั้นท่านได้บันทึกตำราทั้งวิธีการสร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ ตลอดจนพระคาถามหาเศรษฐีไว้ด้วย ท่านจารึกไว้ในตำราว่า เมื่อเถลิงศกใหม่คือวันพญาวัน ซึ่งตรงกับวันที่ ๑๕ เมษายนของทุกปี ท่านให้บูชาพระมหาเศรษฐีนวโกฏิด้วยของขาว ๙ อย่าง อาหารคาวหวาน ๙ อย่าง สวดบูชาด้วยพระคาถามหาเศรษฐี ๙ จบ แล้วอธิษฐานทำน้ำมนต์ประพรมบ้านเรือน โรงงาน ร้านค้า ข้าทาสบริวาร ลูกหลานจะอยู่เย็นเป็นสุขตลอดปี นอกจากสวดบูชาพระมหาเศรษฐีนวโกฏิทั้ง ๙ ในวันเถลิงศกใหม่แล้ว  อีกวันหนึ่งที่สำคัญควรจะสวดบูชาไปด้วย ก็คือ วันขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๙ ของทุกๆปี ที่ปรมาจารย์ผู้ค้นคิดตำรานี้ขึ้นให้ยึดถือเป็นวันปฐมกำเนิดของพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ ซึ่งปีนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๓
            มูลนิธิหลวงปู่ทิม อิสริโก และวัดละหารไร่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง จะประกอบพิธีเททองหล่อพระมหาเศรษฐีนวโกฏิขึ้น เพื่อเป็นสิริมงคล พร้อมกันนั้นวัดละหารไร่ โดยพระครูวิจิตรธรรมภิรัต หรือ พระอาจารย์เชย เจ้าอาวาสวัดละหารไร่องค์ถัดจากหลวงปู่ทิม ยอดพระเกจิอาจารย์ชื่อดังในยุคนี้ จะเททองหล่อยอดพระมหาเจดีย์ หรือยอดฉัตร ขึ้นในวันเศรษฐีมหาเศรษฐี เพื่อนำขึ้นประดิษฐานเป็นยอดพระมหาเจดีย์ภาวนาภิรัต ซึ่งกำลังดำเนินการสร้างแล้วเสร็จไปประมาณ ๙๐% และพร้อมกันนั้น มูลนิธิหลวงปู่ทิม อิสริโก จะดำเนินการสร้างวัตถุมงคลขึ้นมาเพื่อรายได้จัดสร้างพระมหาเจดีย์ภาวนาภิรัตให้แล้วเสร็จสมบูรณ์ พร้อมทั้งสร้างอาคารโรงเรียนปริยัติธรรมเพื่อเป็นสถานที่ศึกษาเล่าเรียนของพระสงฆ์ เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาของเราต่อไป
            วัตถุมงคลที่จะร่วมในพิธีเททองหล่อยอดเจดีย์ และสร้างถาวรวัตถุวัดละหารไร่ ในครั้งนี้ เรียกโดยรวมว่า รุ่น “ยอดฉัตร” นอกจากจะเททองหล่อยอดฉัตร(ยอดเจดีย์ภาวนาภิรัต)แล้ว ยังไว้สร้างวัตถุมงคล ดังต่อไปนี้

๑. พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ ขนาดหน้าตัก ๙ นิ้วจำนวน ๙๙ องค์ , หน้าตัก ๕ นิ้วจำนวน ๑๙๙ องค์, และขนาดห้อยคอเนื้อนวโลหะจำนวน ๒,๕๙๙ องค์

๒. หล่อพระพุทธรูป พระกริ่งชินบัญชรขนาดใหญ่หน้าตัก ๓๖ นิ้ว ผู้สถาปนาทำนุบำรุงวัดละหารไร่จากที่ชำรุดทรุดโทรม เมื่อ ๔๐ปีก่อนให้เจริญก้าวหน้ามาจนทุกวันนี้ ถึงแม้หลวงปู่ทิมจะมรณภาพไปแล้ว ๓๕ ปีแต่ท่านก็ได้สร้างพระกริ่งชินบัญชรขึ้นให้ เป็นมรดกตกทอดใช้รักษาโรคภัยไข้เจ็บ สงเคราะห์ผู้ที่เคารพนับถือให้เจริญรุ่งเรืองจนแผ่บารมีมาถึงวัดละหารไร่ เป็นเหตุให้วัดละหารไร่เจิรญรุ่งเรืองขึ้น แม้พระกริ่งชินบัญชรที่หลวงปู่ทิมท่านสร้างขึ้นมีจำนวนมากถึง สามพันกว่าองค์ มากกว่าของพระเกจิอาจารย์ใดๆในยุคนั้นก็จริง แต่ก็มีราคาแพงแสนแพงและหายากขึ้นทุกวัน มูลนิธิหลวงปู่ทิม สร้างพระกริ่งชินบัญชรขนาดใหญ่หน้าตัก ๓๖ นิ้วขึ้น ก็เพื่อให้ผู้ที่ใช้พระกริ่งชินบัญชรตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงรุ่นล่าสุด(พระกริ่งชินบัญชร ๗๒, พระกริ่งชินบัญชร ญสส.) ขึ้นไว้เพื่อให้เป็นที่เคารพบูชา เป็นเครื่องเตือนและระลึกว่า พระกริ่งชินบัญชรที่พวกท่านบูชาอยู่ไม่ได้เป็นเพียงผู้ทำนุบำรุงวัดละหารไร่ให้เจริญรุ่งเรืองเท่านั้น ยังทำให้ท่านที่ใช้รุ่งเรืองเจริญ สงเคราะห์และขจัดปัดเป่าอุปสรรคความขัดข้องให้หมดไปจากผู้ที่เคารพบูชา ซึ่งตัวท่านผู้ใช้ต่างรู้กันดี จึงขอแจ้งให้มาร่วมกันสร้าง

            นอกจากจะเททองสร้างพระพุทธรูป “กริ่งชินบัญชร” หน้าตัก ๓๖ นิ้วขึ้นแล้ว ยังจะสร้างพระกริ่งชินบัญชรขนาดหน้าตัก ๓ นิ้วขึ้นจำนวนหนึ่ง จะเรียกว่าเป็นพระชัยวัฒน์ประจำตัว ตามแบบที่แม่ทัพ นายกอง และเศรษฐีในสมัยโบราณสร้างขึ้นไว้สำหรับใช้บูชาประจำตัว เวลาเคลื่อนย้ายทัพหรือเวลาเดินทางก็ได้ นอกจากจะคุ้มครองปกป้องแล้วยังจะเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองอีกด้วย ในองค์พระชัยวัฒน์บูชาประจำตัว (พระกริ่งชินบัญชร ขนาด ๓ นิ้ว) นอกจากจะบรรจุดวงชะตาของผู้ที่ต้องการบูชาแล้วยังบรรจุดวงพระยันต์มหาพิชัยสงคราม พระยันต์รณรงค์สงคราม ยันต์สารพัดกัน ยันต์มหาระงับของหลวงปู่ทิมตามตำราที่ผู้สร้างได้รับมาจากหลวงพ่อเริ่ม ปรโม ศิษย์ทายาทวิชาโหราศาสตร์ของสมเด็จพระสังฆราช (อยู่ ญาโณทัย) วัดสระเกศ ที่เคยให้ผู้สร้างเป็นผู้ดำเนินการสร้างพระชัยวัฒน์ประจำตระกูล เพราะชีวิตคนเราในปัจจุบัน นอกจากจะต้องต่อสู้และป้องกันแล้วยังจะต้องมีมหาระงับคุ้มตัวด้วย ชีวิตจึงจะปลอดภัย ,เป็นสุข และรุ่งเรืองก้าวหน้า

๓. สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งอันถือเป็นสัญญาลักษณ์ของวัดละหารไร่ที่จะขาดเสียไม่ได้ คือ “พระขุนแผนพรายกุมาร” เมื่อครั้งเททองสร้างพระกริ่งชินบัญชรมหาโสฬสที่วัดละหารไร่ เมื่อ ๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓ ไม่ได้นึกถึงและไม่คิดจะสร้างพระขุนแผนพรายกุมาร ตกดึกหลังเททอง หล่อพระกริ่งแล้วเพียงคืนเดียว หลวงปู่ทิม ไปเข้าฝันถามคุณประชา ตรีพาสัย ศิษย์ผู้ใกล้ชิดว่าทำไมไม่สร้างเอกลักษณ์ของวัดไว้? ผมและคุณประชาจึงต้องนำชนวนพระกริ่งชินบัญชรมหาโสฬส มาหล่อเป็นพระขุนแผนเนื้อโลหะขึ้นไว้ด้วย และให้ได้ผลเหมือนพระขุนแผนรุ่นแรกที่มีราคาเหยียบล้านขึ้นไป การสร้างยอดฉัตรครั้งนี้จึงจำเป็นที่จะต้องสร้างเอกลักษณ์ของวัดขึ้นไว้ด้วย ทั้งเนื้อผงและเนื้อนวโลหะจากชนวนชินบัญชร ๗๒

๔. นอกจากนั้นจะสร้างพระปรกมะขาม อันลือลั่นของหลวงปู่ทิม ขึ้นอีกด้วยเรียกว่า “องค์จ้อยยอดฉัตร” นอกจากจะสร้างขึ้นเพื่อนำไปติดบนยอดฉัตรแล้วจะนำออกให้บูชาด้วยกัน ๕ เนื้อ คือ ทองคำ เงิน นวโลหะ ดีบุก และทองแดง โดยนำชนวนพระกริ่งชินบัญชร ๗๒, พระกริ่งชินบัญชร ญสส. ที่เททองแล้วตะกรุดไม่ละลายมาผสมเป็นชนวนในองค์จ้อยยอดฉัตร ทุกๆเนื้อเพื่อให้โด่งดังเหมือนปรกองค์จ้อยหลวงปู่ทิม

            วัตถุมงคลทั้งหมดจะนำเข้าพิธีใหญ่อีกครั้งในวันยกยอดฉัตรขึ้นสู่มหาเจดีย์ภาวนาภิรัต เนื่องในวันคล้ายวันมรณภาพครบ ๓๕ ปีของหลวงปู่ทิม วันเสาร์ที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๓

     

   จากการพูดคุย ของอ.ชินพร และคณะกรรมการ สรุปเบื้องต้น(อาจมีการปรับเปลี่ยนบ้างเล็กน้อย) ดังนี้

 ๑. พระชัยวัฒน์ประจำตระกูล เนื้อโลหะผสมกึ่งนวโลหะ (พิมพ์ชินบัญชร)ขนาด ๓ นิ้ว สั่งจององค์ละ ๓,๐๐๐ บาท

 ๒. พระเศรษฐีนวโกฏิ ทุกองค์ทุกขนาด อุดผง มวลสารตามตำรับเศรษฐีนวโกฏิ  แบ่งเป็น

    ๒.๑ พระเศรษฐีนวโกฏิ ขนาด ๙ นิ้ว สร้างราว ๕๖ องค์ สั่งจอง องค์ละ ๖,๐๐๐ บาท

    ๒.๒ พระเศรษฐีนวโกฏิ ขนาด ๕ นิ้ว สร้างราว ๑๙๙ องค์ สั่งจอง องค์ละ ๒,๕๐๐ บาท

    ๒.๓ พระเศรษฐีนวโกฏิ ขนาดห้อยคอ สร้างราว ๙๙๙ องค์ เนื้อโลหะผสม สั่งจอง ๑,๐๐๐ บาท

 ๓. ชุดปรกองค์จ้อย (กรรมการ) สร้างราว ๙๙๙ ชุด สั่งจองชุดละ ๓,๐๐๐-๓,๕๐๐บาท (ขอเช็กต้นทุนทองเพื่อความแน่ชัดก่อน)

    ประกอบด้วยเนื้อทองคำ ๑ องค์,เงิน-นวะ-ดีบุก-ทองแดง อย่างละ ๒ องค์ รวม ๙ องค์ 
 
* หมายเหตุ หลังสั่งจองอาจมีการปรับราคาขึ้นเพื่อความเหมาะสม
 
  และ อาจมีพระปลีกย่อย อาทิ ปรกองค์จ้อย เนื้อเงิน องค์ละ ๔๐๐ บาท, เนื้อนวโลหะ ๒๐๐ บาท, เนื้อทองแดง ๑๐๐ บาท

 (ปรกองค์จ้อยเนื้อทองคำ และเนื้อดีบุกไม่มีแยกย่อย ...มีเฉพาะในชุดปรกองค์จ้อย(กรรมการ)เท่านั้น



ใบร่วมทำบุญ รุ่นยอดฉัตร ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๓วันที่ 
เลขที่.0
ชื่อ- ที่อยู่ ผู้จอง 


 

รายละเอียดสร้างองค์/ ชุดบูชายอดทำบุญหมายเหตุ
รูป1.พระชัยวัฒน์ประจำตระกูล เนื้อโลหะผสมกึ่งนวโลหะ (พิมพ์ชินบัญชร)ขนาด ๓ นิ้ว (ตามจอง)96300000
รูป2.1 พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ พระบูชาหน้าตัก ๙นิ้ว 566,00000
รูป2.2 พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ พระบูชาหน้าตัก ๕นิ้ว1992,50000
รูป2.3 พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ เนื้อนวโลหะ ขนาดห้อยคอ9991,00000
รูป3.1 พระปรกมะขาม "องค์จ้อยยอดฉัตร" ชุดกรรมการ ๕ เนื้อ ๙ องค์            ทองคำ ๑, เงิน ๒, นวโลหะ ๒, ดีบุก ๒, ทองแดง ๒9993,50000
รูป3.2 พระปรกมะขาม "องค์จ้อยยอดฉัตร" เนื้อเงิน99940000
รูป3.3 พระปรกมะขาม "องค์จ้อยยอดฉัตร" เนื้อนวโลหะ99920000
รูป3.4 พระปรกมะขาม "องค์จ้อยยอดฉัตร" เนื้อทองแดง99910000

ค่าจัดส่ง พระบูชา 300.- / พระเหรียญ 100.- ครั้ง   EMS

รวม0

ยอดรวมที่เช่าบูชาทั้งหมด

00 

ศูนย์อินทามระ 1     34 อินทามระ1  ถ.สุทธิสาร สามเสนใน พญาไท กทม 10400 




โทร.02-270-0169, โทรสาร.02-278-5698   มือถือ.0-818-55-2112,08-6622-1934.www.mahalap34.com[email protected]
รายได้ จัดสร้างพระมหาเจดีย์ภาวนาภิรัต ให้แล้วเสร็จสมบูรณ์ พร้อมทั้งสร้างอาคารโรงเรียนปริยัติธรรม เพื่อเป็นสถานที่ศึกษาเล่าเรียน
ของพระสงฆ์เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา(หล่อยอดฉัตรมหาเจดีย์ภาวนาภิรัต, หล่อระฆัง2ใบ, หล่อพระกริ่งชินบัญชรบูชา ๓๖นิ้ว
พระผู้มีมหาคุณูประการวัดละหารไร่, หล่อพระเศษรฐีนวะโกฏิและร่วมสร้างสถานีอนามัยที่วัดละหารไร่.)









   
วันที่ 08/08/53 เวลา 01:39:27   
 



สนใจลงโฆษณา สนใจลงโฆษณา สนใจลงโฆษณา สนใจลงโฆษณา สนใจลงโฆษณา
สนใจลงโฆษณา สนใจลงโฆษณา สนใจลงโฆษณา สนใจลงโฆษณา สนใจลงโฆษณา

nkkrala
ถูกใจกระทู้นี้ + 0ไม่ถูกใจกระทู้นี้ - 0
ส่งข้อความถึงสมาชิกคนนี้
ดู Profile , คำติชม []
Feedback ซื้อ-ขาย []
ดูรายการพระทั้งหมดที่ตั้งประมูล 222 รายการ
เสนอราคาประมูลพระ 233 รายการ
   



ขึ้น ๙ ค่ำเดือน ๙ วันที่ ๑๙ ส.ค.๕๓ เป็นวันเศรษฐีมหาเศรษฐีร่วมหล่อยอดฉัตร
เขียนโดย Administrator   
Monday, 02 August 2010

๑๙ ส.ค.๕๓ เป็นวันเศรษฐีมหาเศรษฐีร่วมหล่อยอดฉัตร (ยอดเจดีย์ภาวนาภิรัต)ขึ้น ๙ ค่ำเดือน ๙ วันที่ ๑๙ ส.ค.๕๓ เป็นวันเศรษฐีมหาเศรษฐีร่วมหล่อยอดฉัตร (ยอดเจดีย์ภาวนาภิรัต), พระกริ่งชินบัญชรขนาดพระธาน, พระมหาเศรษฐีนวโกฏิและ พระชัยวัฒน์ประจำตระกูล

            วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๓ ปีนี้เป็นวันเศรษฐีมหาเศรษฐีที่เกจิอาจารย์รุ่นเก่าได้รวบรวมกันค้นคว้า นำเอา ๙ อุบาสก-อุบาสิกาที่เป็นมหาเศรษฐีในครั้นพุทธกาลมาร่วมกัน สถาปนาขึ้นเป็นพระพุทธรูป ๙ พระพักตร์ เพื่อน้อมนำเอาคุณความดีของ ๙ มหาเศรษฐีสมัยพุทธกาลซึ่งเป็นโยมอุปฐากและสร้างถาวรวัตถุ วัดวาอาราม ถวายพระพุทธเจ้า และสาธารณประโยชน์ไว้มากมาย

            มหาเศรษฐีเหล่านั้นแต่ละท่านมีเงินมากเป็นโกฏิๆ แม้ว่าจะบริจาคทรัพย์สินเงินทองสร้างวัดวาอารามไปมากมายมหาศาล แต่กลังยิ่งมีอานิสงส์ให้เงินทองไหลมาเทมาอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น บรรดาปรมาจารย์และพระเกจิอาจารย์ในสมัยโบราณจึงร่วมกันคิดสร้างพระพุทธรูปขึ้นไว้เคารพบูชาโดยมี ๙พระพักตร์เป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและไม่เหมือนใคร เพื่อเป็นการระลึกถึงและเคารพมหาเศรษฐีทั้ง ๙ ท่าน
            พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ สิริจันโท ได้รจนาพระคาถาบูชาพระมหาเศรษฐนวโกฏิขึ้นเป็นภาษาบาลี เพื่อใช้สวดมนต์ขอพร และอาศัยความศักดิ์สิทธิ์ของพระคาถานี้ให้บังเกิดแก่ผู้ที่นำไปเคารพบูชา เมื่อแปลจากพระคาถาที่เป็นภาษาบาลีออกมาได้ความดังนี้

 

 

ขอทรัพย์สินเงินทองของเราอย่าเสื่มสิ้นไป อุปัทวอันตรายอย่าเกิดแก่เรา ... ขอสายธารแห่งพืชพันธุ์ธัญญาหารจงตกลงมาในเรือนของเราเหมือนในเรือนของท่านธนัญชัยอัครมหาเศรษฐี ขอแก้วแหวนเงินทองโภคทรัพย์ทั้งปวงจงตกลงในเรือนของเราเหมือนของท่านยัสสะเศรษฐี, ท่านสุมานะเศรษฐี, ท่านชะฎิกัสสะเศรษฐี, ท่านอนาคปิณฑิกเศรษฐี, ท่านเมนฑะกัสสะเศรษฐี, ท่านโชติกะเศรษฐี, ท่านสุมังคะกัสสะเศรษฐี, ท่านวิสาขามหาอุบาสิกามหาเศรษฐี

 


           
            พระพุทธรูป ๙ หน้าหรือพระพุทธรูปเก้าพระพักตร์องค์นี้ ก็คือพระพุทธรูปที่เป็นสัญญาลักษณ์แทนองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าที่พวกเราชาวพุทธเคารพนับถือนั้น แต่พระพักตร์ทั้ง ๙ นั้นเป็นเพียงสัญญาลักษณ์เพื่อระลึกถึงคุณงามความดีของมหาอุบาสกอุบาสิกาทั้ง ๙ ท่านนั้น ปรมาจารย์โบราณที่สร้างขึ้นไว้ ท่านให้ชื่อว่า “พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ”
            พระอุบาลีคณูปรมาจารย์ “สิริจันโท” พระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายธรรมยุตินิกาย ท่านได้สร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิด้วยไม้มงคลตามตำราประดิษฐานไว้ที่วัดบรมนิวาส พร้อมกันนั้นท่านได้บันทึกตำราทั้งวิธีการสร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ ตลอดจนพระคาถามหาเศรษฐีไว้ด้วย ท่านจารึกไว้ในตำราว่า เมื่อเถลิงศกใหม่คือวันพญาวัน ซึ่งตรงกับวันที่ ๑๕ เมษายนของทุกปี ท่านให้บูชาพระมหาเศรษฐีนวโกฏิด้วยของขาว ๙ อย่าง อาหารคาวหวาน ๙ อย่าง สวดบูชาด้วยพระคาถามหาเศรษฐี ๙ จบ แล้วอธิษฐานทำน้ำมนต์ประพรมบ้านเรือน โรงงาน ร้านค้า ข้าทาสบริวาร ลูกหลานจะอยู่เย็นเป็นสุขตลอดปี นอกจากสวดบูชาพระมหาเศรษฐีนวโกฏิทั้ง ๙ ในวันเถลิงศกใหม่แล้ว  อีกวันหนึ่งที่สำคัญควรจะสวดบูชาไปด้วย ก็คือ วันขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๙ ของทุกๆปี ที่ปรมาจารย์ผู้ค้นคิดตำรานี้ขึ้นให้ยึดถือเป็นวันปฐมกำเนิดของพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ ซึ่งปีนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๓
            มูลนิธิหลวงปู่ทิม อิสริโก และวัดละหารไร่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง จะประกอบพิธีเททองหล่อพระมหาเศรษฐีนวโกฏิขึ้น เพื่อเป็นสิริมงคล พร้อมกันนั้นวัดละหารไร่ โดยพระครูวิจิตรธรรมภิรัต หรือ พระอาจารย์เชย เจ้าอาวาสวัดละหารไร่องค์ถัดจากหลวงปู่ทิม ยอดพระเกจิอาจารย์ชื่อดังในยุคนี้ จะเททองหล่อยอดพระมหาเจดีย์ หรือยอดฉัตร ขึ้นในวันเศรษฐีมหาเศรษฐี เพื่อนำขึ้นประดิษฐานเป็นยอดพระมหาเจดีย์ภาวนาภิรัต ซึ่งกำลังดำเนินการสร้างแล้วเสร็จไปประมาณ ๙๐% และพร้อมกันนั้น มูลนิธิหลวงปู่ทิม อิสริโก จะดำเนินการสร้างวัตถุมงคลขึ้นมาเพื่อรายได้จัดสร้างพระมหาเจดีย์ภาวนาภิรัตให้แล้วเสร็จสมบูรณ์ พร้อมทั้งสร้างอาคารโรงเรียนปริยัติธรรมเพื่อเป็นสถานที่ศึกษาเล่าเรียนของพระสงฆ์ เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาของเราต่อไป
            วัตถุมงคลที่จะร่วมในพิธีเททองหล่อยอดเจดีย์ และสร้างถาวรวัตถุวัดละหารไร่ ในครั้งนี้ เรียกโดยรวมว่า รุ่น “ยอดฉัตร” นอกจากจะเททองหล่อยอดฉัตร(ยอดเจดีย์ภาวนาภิรัต)แล้ว ยังไว้สร้างวัตถุมงคล ดังต่อไปนี้

๑. พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ ขนาดหน้าตัก ๙ นิ้วจำนวน ๙๙ องค์ , หน้าตัก ๕ นิ้วจำนวน ๑๙๙ องค์, และขนาดห้อยคอเนื้อนวโลหะจำนวน ๒,๕๙๙ องค์

๒. หล่อพระพุทธรูป พระกริ่งชินบัญชรขนาดใหญ่หน้าตัก ๓๖ นิ้ว ผู้สถาปนาทำนุบำรุงวัดละหารไร่จากที่ชำรุดทรุดโทรม เมื่อ ๔๐ปีก่อนให้เจริญก้าวหน้ามาจนทุกวันนี้ ถึงแม้หลวงปู่ทิมจะมรณภาพไปแล้ว ๓๕ ปีแต่ท่านก็ได้สร้างพระกริ่งชินบัญชรขึ้นให้ เป็นมรดกตกทอดใช้รักษาโรคภัยไข้เจ็บ สงเคราะห์ผู้ที่เคารพนับถือให้เจริญรุ่งเรืองจนแผ่บารมีมาถึงวัดละหารไร่ เป็นเหตุให้วัดละหารไร่เจิรญรุ่งเรืองขึ้น แม้พระกริ่งชินบัญชรที่หลวงปู่ทิมท่านสร้างขึ้นมีจำนวนมากถึง สามพันกว่าองค์ มากกว่าของพระเกจิอาจารย์ใดๆในยุคนั้นก็จริง แต่ก็มีราคาแพงแสนแพงและหายากขึ้นทุกวัน มูลนิธิหลวงปู่ทิม สร้างพระกริ่งชินบัญชรขนาดใหญ่หน้าตัก ๓๖ นิ้วขึ้น ก็เพื่อให้ผู้ที่ใช้พระกริ่งชินบัญชรตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงรุ่นล่าสุด(พระกริ่งชินบัญชร ๗๒, พระกริ่งชินบัญชร ญสส.) ขึ้นไว้เพื่อให้เป็นที่เคารพบูชา เป็นเครื่องเตือนและระลึกว่า พระกริ่งชินบัญชรที่พวกท่านบูชาอยู่ไม่ได้เป็นเพียงผู้ทำนุบำรุงวัดละหารไร่ให้เจริญรุ่งเรืองเท่านั้น ยังทำให้ท่านที่ใช้รุ่งเรืองเจริญ สงเคราะห์และขจัดปัดเป่าอุปสรรคความขัดข้องให้หมดไปจากผู้ที่เคารพบูชา ซึ่งตัวท่านผู้ใช้ต่างรู้กันดี จึงขอแจ้งให้มาร่วมกันสร้าง

            นอกจากจะเททองสร้างพระพุทธรูป “กริ่งชินบัญชร” หน้าตัก ๓๖ นิ้วขึ้นแล้ว ยังจะสร้างพระกริ่งชินบัญชรขนาดหน้าตัก ๓ นิ้วขึ้นจำนวนหนึ่ง จะเรียกว่าเป็นพระชัยวัฒน์ประจำตัว ตามแบบที่แม่ทัพ นายกอง และเศรษฐีในสมัยโบราณสร้างขึ้นไว้สำหรับใช้บูชาประจำตัว เวลาเคลื่อนย้ายทัพหรือเวลาเดินทางก็ได้ นอกจากจะคุ้มครองปกป้องแล้วยังจะเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองอีกด้วย ในองค์พระชัยวัฒน์บูชาประจำตัว (พระกริ่งชินบัญชร ขนาด ๓ นิ้ว) นอกจากจะบรรจุดวงชะตาของผู้ที่ต้องการบูชาแล้วยังบรรจุดวงพระยันต์มหาพิชัยสงคราม พระยันต์รณรงค์สงคราม ยันต์สารพัดกัน ยันต์มหาระงับของหลวงปู่ทิมตามตำราที่ผู้สร้างได้รับมาจากหลวงพ่อเริ่ม ปรโม ศิษย์ทายาทวิชาโหราศาสตร์ของสมเด็จพระสังฆราช (อยู่ ญาโณทัย) วัดสระเกศ ที่เคยให้ผู้สร้างเป็นผู้ดำเนินการสร้างพระชัยวัฒน์ประจำตระกูล เพราะชีวิตคนเราในปัจจุบัน นอกจากจะต้องต่อสู้และป้องกันแล้วยังจะต้องมีมหาระงับคุ้มตัวด้วย ชีวิตจึงจะปลอดภัย ,เป็นสุข และรุ่งเรืองก้าวหน้า

๓. สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งอันถือเป็นสัญญาลักษณ์ของวัดละหารไร่ที่จะขาดเสียไม่ได้ คือ “พระขุนแผนพรายกุมาร” เมื่อครั้งเททองสร้างพระกริ่งชินบัญชรมหาโสฬสที่วัดละหารไร่ เมื่อ ๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓ ไม่ได้นึกถึงและไม่คิดจะสร้างพระขุนแผนพรายกุมาร ตกดึกหลังเททอง หล่อพระกริ่งแล้วเพียงคืนเดียว หลวงปู่ทิม ไปเข้าฝันถามคุณประชา ตรีพาสัย ศิษย์ผู้ใกล้ชิดว่าทำไมไม่สร้างเอกลักษณ์ของวัดไว้? ผมและคุณประชาจึงต้องนำชนวนพระกริ่งชินบัญชรมหาโสฬส มาหล่อเป็นพระขุนแผนเนื้อโลหะขึ้นไว้ด้วย และให้ได้ผลเหมือนพระขุนแผนรุ่นแรกที่มีราคาเหยียบล้านขึ้นไป การสร้างยอดฉัตรครั้งนี้จึงจำเป็นที่จะต้องสร้างเอกลักษณ์ของวัดขึ้นไว้ด้วย ทั้งเนื้อผงและเนื้อนวโลหะจากชนวนชินบัญชร ๗๒

๔. นอกจากนั้นจะสร้างพระปรกมะขาม อันลือลั่นของหลวงปู่ทิม ขึ้นอีกด้วยเรียกว่า “องค์จ้อยยอดฉัตร” นอกจากจะสร้างขึ้นเพื่อนำไปติดบนยอดฉัตรแล้วจะนำออกให้บูชาด้วยกัน ๕ เนื้อ คือ ทองคำ เงิน นวโลหะ ดีบุก และทองแดง โดยนำชนวนพระกริ่งชินบัญชร ๗๒, พระกริ่งชินบัญชร ญสส. ที่เททองแล้วตะกรุดไม่ละลายมาผสมเป็นชนวนในองค์จ้อยยอดฉัตร ทุกๆเนื้อเพื่อให้โด่งดังเหมือนปรกองค์จ้อยหลวงปู่ทิม

            วัตถุมงคลทั้งหมดจะนำเข้าพิธีใหญ่อีกครั้งในวันยกยอดฉัตรขึ้นสู่มหาเจดีย์ภาวนาภิรัต เนื่องในวันคล้ายวันมรณภาพครบ ๓๕ ปีของหลวงปู่ทิม วันเสาร์ที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๓


     

   จากการพูดคุย ของอ.ชินพร และคณะกรรมการ สรุปเบื้องต้น(อาจมีการปรับเปลี่ยนบ้างเล็กน้อย) ดังนี้

 ๑. พระชัยวัฒน์ประจำตระกูล เนื้อโลหะผสมกึ่งนวโลหะ (พิมพ์ชินบัญชร)ขนาด ๓ นิ้ว สั่งจององค์ละ ๓,๐๐๐ บาท

 ๒. พระเศรษฐีนวโกฏิ ทุกองค์ทุกขนาด อุดผง มวลสารตามตำรับเศรษฐีนวโกฏิ  แบ่งเป็น

    ๒.๑ พระเศรษฐีนวโกฏิ ขนาด ๙ นิ้ว สร้างราว ๕๖ องค์ สั่งจอง องค์ละ ๖,๐๐๐ บาท

    ๒.๒ พระเศรษฐีนวโกฏิ ขนาด ๕ นิ้ว สร้างราว ๑๙๙ องค์ สั่งจอง องค์ละ ๒,๕๐๐ บาท

    ๒.๓ พระเศรษฐีนวโกฏิ ขนาดห้อยคอ สร้างราว ๙๙๙ องค์ เนื้อโลหะผสม สั่งจอง ๑,๐๐๐ บาท

 ๓. ชุดปรกองค์จ้อย (กรรมการ) สร้างราว ๙๙๙ ชุด สั่งจองชุดละ ๓,๐๐๐-๓,๕๐๐บาท (ขอเช็กต้นทุนทองเพื่อความแน่ชัดก่อน)

    ประกอบด้วยเนื้อทองคำ ๑ องค์,เงิน-นวะ-ดีบุก-ทองแดง อย่างละ ๒ องค์ รวม ๙ องค์ 
 
*
หมายเหตุ หลังสั่งจองอาจมีการปรับราคาขึ้นเพื่อความเหมาะสม
 
  และ อาจมีพระปลีกย่อย อาทิ ปรกองค์จ้อย เนื้อเงิน องค์ละ ๔๐๐ บาท, เนื้อนวโลหะ ๒๐๐ บาท, เนื้อทองแดง ๑๐๐ บาท

 (ปรกองค์จ้อยเนื้อทองคำ และเนื้อดีบุกไม่มีแยกย่อย ...มีเฉพาะในชุดปรกองค์จ้อย(กรรมการ)เท่านั้น

ขึ้น ๙ ค่ำเดือน ๙ วันที่ ๑๙ ส.ค.๕๓ เป็นวันเศรษฐีมหาเศรษฐีร่วมหล่อยอดฉัตร
เขียนโดย Administrator   
Monday, 02 August 2010

๑๙ ส.ค.๕๓ เป็นวันเศรษฐีมหาเศรษฐีร่วมหล่อยอดฉัตร (ยอดเจดีย์ภาวนาภิรัต)ขึ้น ๙ ค่ำเดือน ๙ วันที่ ๑๙ ส.ค.๕๓ เป็นวันเศรษฐีมหาเศรษฐีร่วมหล่อยอดฉัตร (ยอดเจดีย์ภาวนาภิรัต), พระกริ่งชินบัญชรขนาดพระธาน, พระมหาเศรษฐีนวโกฏิและ พระชัยวัฒน์ประจำตระกูล

            วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๓ ปีนี้เป็นวันเศรษฐีมหาเศรษฐีที่เกจิอาจารย์รุ่นเก่าได้รวบรวมกันค้นคว้า นำเอา ๙ อุบาสก-อุบาสิกาที่เป็นมหาเศรษฐีในครั้นพุทธกาลมาร่วมกัน สถาปนาขึ้นเป็นพระพุทธรูป ๙ พระพักตร์ เพื่อน้อมนำเอาคุณความดีของ ๙ มหาเศรษฐีสมัยพุทธกาลซึ่งเป็นโยมอุปฐากและสร้างถาวรวัตถุ วัดวาอาราม ถวายพระพุทธเจ้า และสาธารณประโยชน์ไว้มากมาย

            มหาเศรษฐีเหล่านั้นแต่ละท่านมีเงินมากเป็นโกฏิๆ แม้ว่าจะบริจาคทรัพย์สินเงินทองสร้างวัดวาอารามไปมากมายมหาศาล แต่กลังยิ่งมีอานิสงส์ให้เงินทองไหลมาเทมาอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น บรรดาปรมาจารย์และพระเกจิอาจารย์ในสมัยโบราณจึงร่วมกันคิดสร้างพระพุทธรูปขึ้นไว้เคารพบูชาโดยมี ๙พระพักตร์เป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและไม่เหมือนใคร เพื่อเป็นการระลึกถึงและเคารพมหาเศรษฐีทั้ง ๙ ท่าน
            พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ สิริจันโท ได้รจนาพระคาถาบูชาพระมหาเศรษฐนวโกฏิขึ้นเป็นภาษาบาลี เพื่อใช้สวดมนต์ขอพร และอาศัยความศักดิ์สิทธิ์ของพระคาถานี้ให้บังเกิดแก่ผู้ที่นำไปเคารพบูชา เมื่อแปลจากพระคาถาที่เป็นภาษาบาลีออกมาได้ความดังนี้

 

 

ขอทรัพย์สินเงินทองของเราอย่าเสื่มสิ้นไป อุปัทวอันตรายอย่าเกิดแก่เรา ... ขอสายธารแห่งพืชพันธุ์ธัญญาหารจงตกลงมาในเรือนของเราเหมือนในเรือนของท่านธนัญชัยอัครมหาเศรษฐี ขอแก้วแหวนเงินทองโภคทรัพย์ทั้งปวงจงตกลงในเรือนของเราเหมือนของท่านยัสสะเศรษฐี, ท่านสุมานะเศรษฐี, ท่านชะฎิกัสสะเศรษฐี, ท่านอนาคปิณฑิกเศรษฐี, ท่านเมนฑะกัสสะเศรษฐี, ท่านโชติกะเศรษฐี, ท่านสุมังคะกัสสะเศรษฐี, ท่านวิสาขามหาอุบาสิกามหาเศรษฐี

 


           
            พระพุทธรูป ๙ หน้าหรือพระพุทธรูปเก้าพระพักตร์องค์นี้ ก็คือพระพุทธรูปที่เป็นสัญญาลักษณ์แทนองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าที่พวกเราชาวพุทธเคารพนับถือนั้น แต่พระพักตร์ทั้ง ๙ นั้นเป็นเพียงสัญญาลักษณ์เพื่อระลึกถึงคุณงามความดีของมหาอุบาสกอุบาสิกาทั้ง ๙ ท่านนั้น ปรมาจารย์โบราณที่สร้างขึ้นไว้ ท่านให้ชื่อว่า “พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ”
            พระอุบาลีคณูปรมาจารย์ “สิริจันโท” พระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายธรรมยุตินิกาย ท่านได้สร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิด้วยไม้มงคลตามตำราประดิษฐานไว้ที่วัดบรมนิวาส พร้อมกันนั้นท่านได้บันทึกตำราทั้งวิธีการสร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ ตลอดจนพระคาถามหาเศรษฐีไว้ด้วย ท่านจารึกไว้ในตำราว่า เมื่อเถลิงศกใหม่คือวันพญาวัน ซึ่งตรงกับวันที่ ๑๕ เมษายนของทุกปี ท่านให้บูชาพระมหาเศรษฐีนวโกฏิด้วยของขาว ๙ อย่าง อาหารคาวหวาน ๙ อย่าง สวดบูชาด้วยพระคาถามหาเศรษฐี ๙ จบ แล้วอธิษฐานทำน้ำมนต์ประพรมบ้านเรือน โรงงาน ร้านค้า ข้าทาสบริวาร ลูกหลานจะอยู่เย็นเป็นสุขตลอดปี นอกจากสวดบูชาพระมหาเศรษฐีนวโกฏิทั้ง ๙ ในวันเถลิงศกใหม่แล้ว  อีกวันหนึ่งที่สำคัญควรจะสวดบูชาไปด้วย ก็คือ วันขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๙ ของทุกๆปี ที่ปรมาจารย์ผู้ค้นคิดตำรานี้ขึ้นให้ยึดถือเป็นวันปฐมกำเนิดของพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ ซึ่งปีนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๓
            มูลนิธิหลวงปู่ทิม อิสริโก และวัดละหารไร่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง จะประกอบพิธีเททองหล่อพระมหาเศรษฐีนวโกฏิขึ้น เพื่อเป็นสิริมงคล พร้อมกันนั้นวัดละหารไร่ โดยพระครูวิจิตรธรรมภิรัต หรือ พระอาจารย์เชย เจ้าอาวาสวัดละหารไร่องค์ถัดจากหลวงปู่ทิม ยอดพระเกจิอาจารย์ชื่อดังในยุคนี้ จะเททองหล่อยอดพระมหาเจดีย์ หรือยอดฉัตร ขึ้นในวันเศรษฐีมหาเศรษฐี เพื่อนำขึ้นประดิษฐานเป็นยอดพระมหาเจดีย์ภาวนาภิรัต ซึ่งกำลังดำเนินการสร้างแล้วเสร็จไปประมาณ ๙๐% และพร้อมกันนั้น มูลนิธิหลวงปู่ทิม อิสริโก จะดำเนินการสร้างวัตถุมงคลขึ้นมาเพื่อรายได้จัดสร้างพระมหาเจดีย์ภาวนาภิรัตให้แล้วเสร็จสมบูรณ์ พร้อมทั้งสร้างอาคารโรงเรียนปริยัติธรรมเพื่อเป็นสถานที่ศึกษาเล่าเรียนของพระสงฆ์ เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาของเราต่อไป
            วัตถุมงคลที่จะร่วมในพิธีเททองหล่อยอดเจดีย์ และสร้างถาวรวัตถุวัดละหารไร่ ในครั้งนี้ เรียกโดยรวมว่า รุ่น “ยอดฉัตร” นอกจากจะเททองหล่อยอดฉัตร(ยอดเจดีย์ภาวนาภิรัต)แล้ว ยังไว้สร้างวัตถุมงคล ดังต่อไปนี้

๑. พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ ขนาดหน้าตัก ๙ นิ้วจำนวน ๙๙ องค์ , หน้าตัก ๕ นิ้วจำนวน ๑๙๙ องค์, และขนาดห้อยคอเนื้อนวโลหะจำนวน ๒,๕๙๙ องค์

๒. หล่อพระพุทธรูป พระกริ่งชินบัญชรขนาดใหญ่หน้าตัก ๓๖ นิ้ว ผู้สถาปนาทำนุบำรุงวัดละหารไร่จากที่ชำรุดทรุดโทรม เมื่อ ๔๐ปีก่อนให้เจริญก้าวหน้ามาจนทุกวันนี้ ถึงแม้หลวงปู่ทิมจะมรณภาพไปแล้ว ๓๕ ปีแต่ท่านก็ได้สร้างพระกริ่งชินบัญชรขึ้นให้ เป็นมรดกตกทอดใช้รักษาโรคภัยไข้เจ็บ สงเคราะห์ผู้ที่เคารพนับถือให้เจริญรุ่งเรืองจนแผ่บารมีมาถึงวัดละหารไร่ เป็นเหตุให้วัดละหารไร่เจิรญรุ่งเรืองขึ้น แม้พระกริ่งชินบัญชรที่หลวงปู่ทิมท่านสร้างขึ้นมีจำนวนมากถึง สามพันกว่าองค์ มากกว่าของพระเกจิอาจารย์ใดๆในยุคนั้นก็จริง แต่ก็มีราคาแพงแสนแพงและหายากขึ้นทุกวัน มูลนิธิหลวงปู่ทิม สร้างพระกริ่งชินบัญชรขนาดใหญ่หน้าตัก ๓๖ นิ้วขึ้น ก็เพื่อให้ผู้ที่ใช้พระกริ่งชินบัญชรตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงรุ่นล่าสุด(พระกริ่งชินบัญชร ๗๒, พระกริ่งชินบัญชร ญสส.) ขึ้นไว้เพื่อให้เป็นที่เคารพบูชา เป็นเครื่องเตือนและระลึกว่า พระกริ่งชินบัญชรที่พวกท่านบูชาอยู่ไม่ได้เป็นเพียงผู้ทำนุบำรุงวัดละหารไร่ให้เจริญรุ่งเรืองเท่านั้น ยังทำให้ท่านที่ใช้รุ่งเรืองเจริญ สงเคราะห์และขจัดปัดเป่าอุปสรรคความขัดข้องให้หมดไปจากผู้ที่เคารพบูชา ซึ่งตัวท่านผู้ใช้ต่างรู้กันดี จึงขอแจ้งให้มาร่วมกันสร้าง

            นอกจากจะเททองสร้างพระพุทธรูป “กริ่งชินบัญชร” หน้าตัก ๓๖ นิ้วขึ้นแล้ว ยังจะสร้างพระกริ่งชินบัญชรขนาดหน้าตัก ๓ นิ้วขึ้นจำนวนหนึ่ง จะเรียกว่าเป็นพระชัยวัฒน์ประจำตัว ตามแบบที่แม่ทัพ นายกอง และเศรษฐีในสมัยโบราณสร้างขึ้นไว้สำหรับใช้บูชาประจำตัว เวลาเคลื่อนย้ายทัพหรือเวลาเดินทางก็ได้ นอกจากจะคุ้มครองปกป้องแล้วยังจะเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองอีกด้วย ในองค์พระชัยวัฒน์บูชาประจำตัว (พระกริ่งชินบัญชร ขนาด ๓ นิ้ว) นอกจากจะบรรจุดวงชะตาของผู้ที่ต้องการบูชาแล้วยังบรรจุดวงพระยันต์มหาพิชัยสงคราม พระยันต์รณรงค์สงคราม ยันต์สารพัดกัน ยันต์มหาระงับของหลวงปู่ทิมตามตำราที่ผู้สร้างได้รับมาจากหลวงพ่อเริ่ม ปรโม ศิษย์ทายาทวิชาโหราศาสตร์ของสมเด็จพระสังฆราช (อยู่ ญาโณทัย) วัดสระเกศ ที่เคยให้ผู้สร้างเป็นผู้ดำเนินการสร้างพระชัยวัฒน์ประจำตระกูล เพราะชีวิตคนเราในปัจจุบัน นอกจากจะต้องต่อสู้และป้องกันแล้วยังจะต้องมีมหาระงับคุ้มตัวด้วย ชีวิตจึงจะปลอดภัย ,เป็นสุข และรุ่งเรืองก้าวหน้า

๓. สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งอันถือเป็นสัญญาลักษณ์ของวัดละหารไร่ที่จะขาดเสียไม่ได้ คือ “พระขุนแผนพรายกุมาร” เมื่อครั้งเททองสร้างพระกริ่งชินบัญชรมหาโสฬสที่วัดละหารไร่ เมื่อ ๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓ ไม่ได้นึกถึงและไม่คิดจะสร้างพระขุนแผนพรายกุมาร ตกดึกหลังเททอง หล่อพระกริ่งแล้วเพียงคืนเดียว หลวงปู่ทิม ไปเข้าฝันถามคุณประชา ตรีพาสัย ศิษย์ผู้ใกล้ชิดว่าทำไมไม่สร้างเอกลักษณ์ของวัดไว้? ผมและคุณประชาจึงต้องนำชนวนพระกริ่งชินบัญชรมหาโสฬส มาหล่อเป็นพระขุนแผนเนื้อโลหะขึ้นไว้ด้วย และให้ได้ผลเหมือนพระขุนแผนรุ่นแรกที่มีราคาเหยียบล้านขึ้นไป การสร้างยอดฉัตรครั้งนี้จึงจำเป็นที่จะต้องสร้างเอกลักษณ์ของวัดขึ้นไว้ด้วย ทั้งเนื้อผงและเนื้อนวโลหะจากชนวนชินบัญชร ๗๒

๔. นอกจากนั้นจะสร้างพระปรกมะขาม อันลือลั่นของหลวงปู่ทิม ขึ้นอีกด้วยเรียกว่า “องค์จ้อยยอดฉัตร” นอกจากจะสร้างขึ้นเพื่อนำไปติดบนยอดฉัตรแล้วจะนำออกให้บูชาด้วยกัน ๕ เนื้อ คือ ทองคำ เงิน นวโลหะ ดีบุก และทองแดง โดยนำชนวนพระกริ่งชินบัญชร ๗๒, พระกริ่งชินบัญชร ญสส. ที่เททองแล้วตะกรุดไม่ละลายมาผสมเป็นชนวนในองค์จ้อยยอดฉัตร ทุกๆเนื้อเพื่อให้โด่งดังเหมือนปรกองค์จ้อยหลวงปู่ทิม

            วัตถุมงคลทั้งหมดจะนำเข้าพิธีใหญ่อีกครั้งในวันยกยอดฉัตรขึ้นสู่มหาเจดีย์ภาวนาภิรัต เนื่องในวันคล้ายวันมรณภาพครบ ๓๕ ปีของหลวงปู่ทิม วันเสาร์ที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๓


     

   จากการพูดคุย ของอ.ชินพร และคณะกรรมการ สรุปเบื้องต้น(อาจมีการปรับเปลี่ยนบ้างเล็กน้อย) ดังนี้

 ๑. พระชัยวัฒน์ประจำตระกูล เนื้อโลหะผสมกึ่งนวโลหะ (พิมพ์ชินบัญชร)ขนาด ๓ นิ้ว สั่งจององค์ละ ๓,๐๐๐ บาท

 ๒. พระเศรษฐีนวโกฏิ ทุกองค์ทุกขนาด อุดผง มวลสารตามตำรับเศรษฐีนวโกฏิ  แบ่งเป็น

    ๒.๑ พระเศรษฐีนวโกฏิ ขนาด ๙ นิ้ว สร้างราว ๕๖ องค์ สั่งจอง องค์ละ ๖,๐๐๐ บาท

    ๒.๒ พระเศรษฐีนวโกฏิ ขนาด ๕ นิ้ว สร้างราว ๑๙๙ องค์ สั่งจอง องค์ละ ๒,๕๐๐ บาท

    ๒.๓ พระเศรษฐีนวโกฏิ ขนาดห้อยคอ สร้างราว ๙๙๙ องค์ เนื้อโลหะผสม สั่งจอง ๑,๐๐๐ บาท

 ๓. ชุดปรกองค์จ้อย (กรรมการ) สร้างราว ๙๙๙ ชุด สั่งจองชุดละ ๓,๐๐๐-๓,๕๐๐บาท (ขอเช็กต้นทุนทองเพื่อความแน่ชัดก่อน)

    ประกอบด้วยเนื้อทองคำ ๑ องค์,เงิน-นวะ-ดีบุก-ทองแดง อย่างละ ๒ องค์ รวม ๙ องค์ 
 
*
หมายเหตุ หลังสั่งจองอาจมีการปรับราคาขึ้นเพื่อความเหมาะสม
 
  และ อาจมีพระปลีกย่อย อาทิ ปรกองค์จ้อย เนื้อเงิน องค์ละ ๔๐๐ บาท, เนื้อนวโลหะ ๒๐๐ บาท, เนื้อทองแดง ๑๐๐ บาท

 (ปรกองค์จ้อยเนื้อทองคำ และเนื้อดีบุกไม่มีแยกย่อย ...มีเฉพาะในชุดปรกองค์จ้อย(กรรมการ)เท่านั้น

ขึ้น ๙ ค่ำเดือน ๙ วันที่ ๑๙ ส.ค.๕๓ เป็นวันเศรษฐีมหาเศรษฐีร่วมหล่อยอดฉัตร
เขียนโดย Administrator   
Monday, 02 August 2010

๑๙ ส.ค.๕๓ เป็นวันเศรษฐีมหาเศรษฐีร่วมหล่อยอดฉัตร (ยอดเจดีย์ภาวนาภิรัต)ขึ้น ๙ ค่ำเดือน ๙ วันที่ ๑๙ ส.ค.๕๓ เป็นวันเศรษฐีมหาเศรษฐีร่วมหล่อยอดฉัตร (ยอดเจดีย์ภาวนาภิรัต), พระกริ่งชินบัญชรขนาดพระธาน, พระมหาเศรษฐีนวโกฏิและ พระชัยวัฒน์ประจำตระกูล

            วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๓ ปีนี้เป็นวันเศรษฐีมหาเศรษฐีที่เกจิอาจารย์รุ่นเก่าได้รวบรวมกันค้นคว้า นำเอา ๙ อุบาสก-อุบาสิกาที่เป็นมหาเศรษฐีในครั้นพุทธกาลมาร่วมกัน สถาปนาขึ้นเป็นพระพุทธรูป ๙ พระพักตร์ เพื่อน้อมนำเอาคุณความดีของ ๙ มหาเศรษฐีสมัยพุทธกาลซึ่งเป็นโยมอุปฐากและสร้างถาวรวัตถุ วัดวาอาราม ถวายพระพุทธเจ้า และสาธารณประโยชน์ไว้มากมาย

            มหาเศรษฐีเหล่านั้นแต่ละท่านมีเงินมากเป็นโกฏิๆ แม้ว่าจะบริจาคทรัพย์สินเงินทองสร้างวัดวาอารามไปมากมายมหาศาล แต่กลังยิ่งมีอานิสงส์ให้เงินทองไหลมาเทมาอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น บรรดาปรมาจารย์และพระเกจิอาจารย์ในสมัยโบราณจึงร่วมกันคิดสร้างพระพุทธรูปขึ้นไว้เคารพบูชาโดยมี ๙พระพักตร์เป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและไม่เหมือนใคร เพื่อเป็นการระลึกถึงและเคารพมหาเศรษฐีทั้ง ๙ ท่าน
            พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ สิริจันโท ได้รจนาพระคาถาบูชาพระมหาเศรษฐนวโกฏิขึ้นเป็นภาษาบาลี เพื่อใช้สวดมนต์ขอพร และอาศัยความศักดิ์สิทธิ์ของพระคาถานี้ให้บังเกิดแก่ผู้ที่นำไปเคารพบูชา เมื่อแปลจากพระคาถาที่เป็นภาษาบาลีออกมาได้ความดังนี้

 

 

ขอทรัพย์สินเงินทองของเราอย่าเสื่มสิ้นไป อุปัทวอันตรายอย่าเกิดแก่เรา ... ขอสายธารแห่งพืชพันธุ์ธัญญาหารจงตกลงมาในเรือนของเราเหมือนในเรือนของท่านธนัญชัยอัครมหาเศรษฐี ขอแก้วแหวนเงินทองโภคทรัพย์ทั้งปวงจงตกลงในเรือนของเราเหมือนของท่านยัสสะเศรษฐี, ท่านสุมานะเศรษฐี, ท่านชะฎิกัสสะเศรษฐี, ท่านอนาคปิณฑิกเศรษฐี, ท่านเมนฑะกัสสะเศรษฐี, ท่านโชติกะเศรษฐี, ท่านสุมังคะกัสสะเศรษฐี, ท่านวิสาขามหาอุบาสิกามหาเศรษฐี

 


           
            พระพุทธรูป ๙ หน้าหรือพระพุทธรูปเก้าพระพักตร์องค์นี้ ก็คือพระพุทธรูปที่เป็นสัญญาลักษณ์แทนองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าที่พวกเราชาวพุทธเคารพนับถือนั้น แต่พระพักตร์ทั้ง ๙ นั้นเป็นเพียงสัญญาลักษณ์เพื่อระลึกถึงคุณงามความดีของมหาอุบาสกอุบาสิกาทั้ง ๙ ท่านนั้น ปรมาจารย์โบราณที่สร้างขึ้นไว้ ท่านให้ชื่อว่า “พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ”
            พระอุบาลีคณูปรมาจารย์ “สิริจันโท” พระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายธรรมยุตินิกาย ท่านได้สร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิด้วยไม้มงคลตามตำราประดิษฐานไว้ที่วัดบรมนิวาส พร้อมกันนั้นท่านได้บันทึกตำราทั้งวิธีการสร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ ตลอดจนพระคาถามหาเศรษฐีไว้ด้วย ท่านจารึกไว้ในตำราว่า เมื่อเถลิงศกใหม่คือวันพญาวัน ซึ่งตรงกับวันที่ ๑๕ เมษายนของทุกปี ท่านให้บูชาพระมหาเศรษฐีนวโกฏิด้วยของขาว ๙ อย่าง อาหารคาวหวาน ๙ อย่าง สวดบูชาด้วยพระคาถามหาเศรษฐี ๙ จบ แล้วอธิษฐานทำน้ำมนต์ประพรมบ้านเรือน โรงงาน ร้านค้า ข้าทาสบริวาร ลูกหลานจะอยู่เย็นเป็นสุขตลอดปี นอกจากสวดบูชาพระมหาเศรษฐีนวโกฏิทั้ง ๙ ในวันเถลิงศกใหม่แล้ว  อีกวันหนึ่งที่สำคัญควรจะสวดบูชาไปด้วย ก็คือ วันขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๙ ของทุกๆปี ที่ปรมาจารย์ผู้ค้นคิดตำรานี้ขึ้นให้ยึดถือเป็นวันปฐมกำเนิดของพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ ซึ่งปีนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๓
            มูลนิธิหลวงปู่ทิม อิสริโก และวัดละหารไร่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง จะประกอบพิธีเททองหล่อพระมหาเศรษฐีนวโกฏิขึ้น เพื่อเป็นสิริมงคล พร้อมกันนั้นวัดละหารไร่ โดยพระครูวิจิตรธรรมภิรัต หรือ พระอาจารย์เชย เจ้าอาวาสวัดละหารไร่องค์ถัดจากหลวงปู่ทิม ยอดพระเกจิอาจารย์ชื่อดังในยุคนี้ จะเททองหล่อยอดพระมหาเจดีย์ หรือยอดฉัตร ขึ้นในวันเศรษฐีมหาเศรษฐี เพื่อนำขึ้นประดิษฐานเป็นยอดพระมหาเจดีย์ภาวนาภิรัต ซึ่งกำลังดำเนินการสร้างแล้วเสร็จไปประมาณ ๙๐% และพร้อมกันนั้น มูลนิธิหลวงปู่ทิม อิสริโก จะดำเนินการสร้างวัตถุมงคลขึ้นมาเพื่อรายได้จัดสร้างพระมหาเจดีย์ภาวนาภิรัตให้แล้วเสร็จสมบูรณ์ พร้อมทั้งสร้างอาคารโรงเรียนปริยัติธรรมเพื่อเป็นสถานที่ศึกษาเล่าเรียนของพระสงฆ์ เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาของเราต่อไป
            วัตถุมงคลที่จะร่วมในพิธีเททองหล่อยอดเจดีย์ และสร้างถาวรวัตถุวัดละหารไร่ ในครั้งนี้ เรียกโดยรวมว่า รุ่น “ยอดฉัตร” นอกจากจะเททองหล่อยอดฉัตร(ยอดเจดีย์ภาวนาภิรัต)แล้ว ยังไว้สร้างวัตถุมงคล ดังต่อไปนี้

๑. พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ ขนาดหน้าตัก ๙ นิ้วจำนวน ๙๙ องค์ , หน้าตัก ๕ นิ้วจำนวน ๑๙๙ องค์, และขนาดห้อยคอเนื้อนวโลหะจำนวน ๒,๕๙๙ องค์

๒. หล่อพระพุทธรูป พระกริ่งชินบัญชรขนาดใหญ่หน้าตัก ๓๖ นิ้ว ผู้สถาปนาทำนุบำรุงวัดละหารไร่จากที่ชำรุดทรุดโทรม เมื่อ ๔๐ปีก่อนให้เจริญก้าวหน้ามาจนทุกวันนี้ ถึงแม้หลวงปู่ทิมจะมรณภาพไปแล้ว ๓๕ ปีแต่ท่านก็ได้สร้างพระกริ่งชินบัญชรขึ้นให้ เป็นมรดกตกทอดใช้รักษาโรคภัยไข้เจ็บ สงเคราะห์ผู้ที่เคารพนับถือให้เจริญรุ่งเรืองจนแผ่บารมีมาถึงวัดละหารไร่ เป็นเหตุให้วัดละหารไร่เจิรญรุ่งเรืองขึ้น แม้พระกริ่งชินบัญชรที่หลวงปู่ทิมท่านสร้างขึ้นมีจำนวนมากถึง สามพันกว่าองค์ มากกว่าของพระเกจิอาจารย์ใดๆในยุคนั้นก็จริง แต่ก็มีราคาแพงแสนแพงและหายากขึ้นทุกวัน มูลนิธิหลวงปู่ทิม สร้างพระกริ่งชินบัญชรขนาดใหญ่หน้าตัก ๓๖ นิ้วขึ้น ก็เพื่อให้ผู้ที่ใช้พระกริ่งชินบัญชรตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงรุ่นล่าสุด(พระกริ่งชินบัญชร ๗๒, พระกริ่งชินบัญชร ญสส.) ขึ้นไว้เพื่อให้เป็นที่เคารพบูชา เป็นเครื่องเตือนและระลึกว่า พระกริ่งชินบัญชรที่พวกท่านบูชาอยู่ไม่ได้เป็นเพียงผู้ทำนุบำรุงวัดละหารไร่ให้เจริญรุ่งเรืองเท่านั้น ยังทำให้ท่านที่ใช้รุ่งเรืองเจริญ สงเคราะห์และขจัดปัดเป่าอุปสรรคความขัดข้องให้หมดไปจากผู้ที่เคารพบูชา ซึ่งตัวท่านผู้ใช้ต่างรู้กันดี จึงขอแจ้งให้มาร่วมกันสร้าง

            นอกจากจะเททองสร้างพระพุทธรูป “กริ่งชินบัญชร” หน้าตัก ๓๖ นิ้วขึ้นแล้ว ยังจะสร้างพระกริ่งชินบัญชรขนาดหน้าตัก ๓ นิ้วขึ้นจำนวนหนึ่ง จะเรียกว่าเป็นพระชัยวัฒน์ประจำตัว ตามแบบที่แม่ทัพ นายกอง และเศรษฐีในสมัยโบราณสร้างขึ้นไว้สำหรับใช้บูชาประจำตัว เวลาเคลื่อนย้ายทัพหรือเวลาเดินทางก็ได้ นอกจากจะคุ้มครองปกป้องแล้วยังจะเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองอีกด้วย ในองค์พระชัยวัฒน์บูชาประจำตัว (พระกริ่งชินบัญชร ขนาด ๓ นิ้ว) นอกจากจะบรรจุดวงชะตาของผู้ที่ต้องการบูชาแล้วยังบรรจุดวงพระยันต์มหาพิชัยสงคราม พระยันต์รณรงค์สงคราม ยันต์สารพัดกัน ยันต์มหาระงับของหลวงปู่ทิมตามตำราที่ผู้สร้างได้รับมาจากหลวงพ่อเริ่ม ปรโม ศิษย์ทายาทวิชาโหราศาสตร์ของสมเด็จพระสังฆราช (อยู่ ญาโณทัย) วัดสระเกศ ที่เคยให้ผู้สร้างเป็นผู้ดำเนินการสร้างพระชัยวัฒน์ประจำตระกูล เพราะชีวิตคนเราในปัจจุบัน นอกจากจะต้องต่อสู้และป้องกันแล้วยังจะต้องมีมหาระงับคุ้มตัวด้วย ชีวิตจึงจะปลอดภัย ,เป็นสุข และรุ่งเรืองก้าวหน้า

๓. สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งอันถือเป็นสัญญาลักษณ์ของวัดละหารไร่ที่จะขาดเสียไม่ได้ คือ “พระขุนแผนพรายกุมาร” เมื่อครั้งเททองสร้างพระกริ่งชินบัญชรมหาโสฬสที่วัดละหารไร่ เมื่อ ๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓ ไม่ได้นึกถึงและไม่คิดจะสร้างพระขุนแผนพรายกุมาร ตกดึกหลังเททอง หล่อพระกริ่งแล้วเพียงคืนเดียว หลวงปู่ทิม ไปเข้าฝันถามคุณประชา ตรีพาสัย ศิษย์ผู้ใกล้ชิดว่าทำไมไม่สร้างเอกลักษณ์ของวัดไว้? ผมและคุณประชาจึงต้องนำชนวนพระกริ่งชินบัญชรมหาโสฬส มาหล่อเป็นพระขุนแผนเนื้อโลหะขึ้นไว้ด้วย และให้ได้ผลเหมือนพระขุนแผนรุ่นแรกที่มีราคาเหยียบล้านขึ้นไป การสร้างยอดฉัตรครั้งนี้จึงจำเป็นที่จะต้องสร้างเอกลักษณ์ของวัดขึ้นไว้ด้วย ทั้งเนื้อผงและเนื้อนวโลหะจากชนวนชินบัญชร ๗๒

๔. นอกจากนั้นจะสร้างพระปรกมะขาม อันลือลั่นของหลวงปู่ทิม ขึ้นอีกด้วยเรียกว่า “องค์จ้อยยอดฉัตร” นอกจากจะสร้างขึ้นเพื่อนำไปติดบนยอดฉัตรแล้วจะนำออกให้บูชาด้วยกัน ๕ เนื้อ คือ ทองคำ เงิน นวโลหะ ดีบุก และทองแดง โดยนำชนวนพระกริ่งชินบัญชร ๗๒, พระกริ่งชินบัญชร ญสส. ที่เททองแล้วตะกรุดไม่ละลายมาผสมเป็นชนวนในองค์จ้อยยอดฉัตร ทุกๆเนื้อเพื่อให้โด่งดังเหมือนปรกองค์จ้อยหลวงปู่ทิม

            วัตถุมงคลทั้งหมดจะนำเข้าพิธีใหญ่อีกครั้งในวันยกยอดฉัตรขึ้นสู่มหาเจดีย์ภาวนาภิรัต เนื่องในวันคล้ายวันมรณภาพครบ ๓๕ ปีของหลวงปู่ทิม วันเสาร์ที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๓


     

   จากการพูดคุย ของอ.ชินพร และคณะกรรมการ สรุปเบื้องต้น(อาจมีการปรับเปลี่ยนบ้างเล็กน้อย) ดังนี้

 ๑. พระชัยวัฒน์ประจำตระกูล เนื้อโลหะผสมกึ่งนวโลหะ (พิมพ์ชินบัญชร)ขนาด ๓ นิ้ว สั่งจององค์ละ ๓,๐๐๐ บาท

 ๒. พระเศรษฐีนวโกฏิ ทุกองค์ทุกขนาด อุดผง มวลสารตามตำรับเศรษฐีนวโกฏิ  แบ่งเป็น

    ๒.๑ พระเศรษฐีนวโกฏิ ขนาด ๙ นิ้ว สร้างราว ๕๖ องค์ สั่งจอง องค์ละ ๖,๐๐๐ บาท

    ๒.๒ พระเศรษฐีนวโกฏิ ขนาด ๕ นิ้ว สร้างราว ๑๙๙ องค์ สั่งจอง องค์ละ ๒,๕๐๐ บาท

    ๒.๓ พระเศรษฐีนวโกฏิ ขนาดห้อยคอ สร้างราว ๙๙๙ องค์ เนื้อโลหะผสม สั่งจอง ๑,๐๐๐ บาท

 ๓. ชุดปรกองค์จ้อย (กรรมการ) สร้างราว ๙๙๙ ชุด สั่งจองชุดละ ๓,๐๐๐-๓,๕๐๐บาท (ขอเช็กต้นทุนทองเพื่อความแน่ชัดก่อน)

    ประกอบด้วยเนื้อทองคำ ๑ องค์,เงิน-นวะ-ดีบุก-ทองแดง อย่างละ ๒ องค์ รวม ๙ องค์ 
 
*
หมายเหตุ หลังสั่งจองอาจมีการปรับราคาขึ้นเพื่อความเหมาะสม
 
  และ อาจมีพระปลีกย่อย อาทิ ปรกองค์จ้อย เนื้อเงิน องค์ละ ๔๐๐ บาท, เนื้อนวโลหะ ๒๐๐ บาท, เนื้อทองแดง ๑๐๐ บาท

 (ปรกองค์จ้อยเนื้อทองคำ และเนื้อดีบุกไม่มีแยกย่อย ...มีเฉพาะในชุดปรกองค์จ้อย(กรรมการ)เท่านั้น


 ใบร่วมทำบุญ รุ่นยอดฉัตร ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๓วันที่  เลขที่.0
ชื่อ- ที่อยู่ ผู้จอง      
 รายละเอียดสร้างองค์/ ชุดบูชายอดทำบุญหมายเหตุ
รูป1.พระชัยวัฒน์ประจำตระกูล เนื้อโลหะผสมกึ่งนวโลหะ (พิมพ์ชินบัญชร)ขนาด ๓ นิ้ว (ตามจอง)96300000 
รูป2.1 พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ พระบูชาหน้าตัก ๙นิ้ว 566,00000 
รูป2.2 พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ พระบูชาหน้าตัก ๕นิ้ว1992,50000 
รูป2.3 พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ เนื้อนวโลหะ ขนาดห้อยคอ9991,00000 
รูป3.1 พระปรกมะขาม "องค์จ้อยยอดฉัตร" ชุดกรรมการ ๕ เนื้อ ๙ องค์            ทองคำ ๑, เงิน ๒, นวโลหะ ๒, ดีบุก ๒, ทองแดง ๒9993,50000 
รูป3.2 พระปรกมะขาม "องค์จ้อยยอดฉัตร" เนื้อเงิน99940000 
รูป3.3 พระปรกมะขาม "องค์จ้อยยอดฉัตร" เนื้อนวโลหะ99920000 
รูป3.4 พระปรกมะขาม "องค์จ้อยยอดฉัตร" เนื้อทองแดง99910000 
 ค่าจัดส่ง พระบูชา 300.- / พระเหรียญ 100.- ครั้ง   EMS  รวม0 
 ยอดรวมที่เช่าบูชาทั้งหมด  00 
 ศูนย์อินทามระ 1     34 อินทามระ1  ถ.สุทธิสาร สามเสนใน พญาไท กทม 10400     
 โทร.02-270-0169, โทรสาร.02-278-5698   มือถือ.0-818-55-2112,08-6622-1934.www.mahalap34.com[email protected]
รายได้ จัดสร้างพระมหาเจดีย์ภาวนาภิรัต ให้แล้วเสร็จสมบูรณ์ พร้อมทั้งสร้างอาคารโรงเรียนปริยัติธรรม เพื่อเป็นสถานที่ศึกษาเล่าเรียน
ของพระสงฆ์เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา(หล่อยอดฉัตรมหาเจดีย์ภาวนาภิรัต, หล่อระฆัง2ใบ, หล่อพระกริ่งชินบัญชรบูชา ๓๖นิ้ว 
พระผู้มีมหาคุณูประการวัดละหารไร่, หล่อพระเศษรฐีนวะโกฏิและร่วมสร้างสถานีอนามัยที่วัดละหารไร่.)   
    
1 : วันที่ 08/08/53 เวลา 22:51:00 



Copyright 2002-2013, All Rights Reserved. สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ลิขสิทธิ์ & นโยบายส่วนตัว
หน้านี้ใช้เวลาในการแสดงผล 0.3906 วินาที
   
  นำขึ้นหน้าแรก
  คุณต้องการนำกระทู้นี้ขึ้นหน้าแรกในส่วน :
    
  
    
   
     
  รายละเอียดการโหวตพระ
     
   ประเภทการโหวต :  
สำหรับสมาชิกที่โหวตให้เป็นพระเก๊ "ห้ามพูดส่อเสียด ใช้คำไม่เหมาะสม คำด่า คำกระแทกเด็ดขาด แม้ว่าจะเป็นพระเก๊ก็ตามฝ่าฝืนโดนระงับการใช้งานสิบวันเพื่อความสงบสุขไม่ทะเลาะกันภายหลัง หากเป็นไปได้ควรแสดงความเห็น อธิบาย พอควร เมื่อโหวตว่าเก๊ เพื่อจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคน"
   เหตุผล :
   
     
ลบกระทู้
กรุณาระบุเหตุผลที่ท่านต้องการลบ :